อุปการะ - อุปจาร

อุปการะ ความเกื้อหนุน, ความอุดหนุน, การช่วยเหลือ

อุปกิเลส โทษเครื่องเศร้าหมอง, สิ่งที่ทำจิตใจให้เศร้าหมองขุ่นมัว รับคุณธรรมได้ยาก มี ๑๖ อย่าง คือ ๑. อภิชฌาวิสม-
โลภะ
ละโมบ จ้องจะเอาไม่เลือก ควรไม่ควร ๒. โทสะ คิดประทุษร้าย ๓. โกธะ โกรธ ๔. อุปนาหะ ผูกโกรธไว้ ๕. มักขะ
ลบหลู่คุณท่าน ๖. ปลาสะ ตีเสมอ ๗. อิสสา ริษยา ๘. มัจฉริยะ ตระหนี่ ๙. มายา เจ้าเล่ห์ ๑๐. สาเถยยะ โอ้อวด ๑๑. ถัม-
ภะ
หัวดื้อ ๑๒. สารัมภะ แข่งดี ๑๓. มานะ ถือตัว ๑๔. อติมานะ ดูหมิ่นท่าน ๑๕. มทะ มัวเมา ๑๖. ปมาทะ เลินเล่อ
หรือละเลย

อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา ดู วิปัสสนูปกิเลส

อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน ได้แก่กรรมที่เป็นกุศลก็ดี ที่เป็นอกุศลก็ดี ซึ่งมีกำลังแรก เข้าตัดรอนการให้ผลของชนก
กรรม หรืออุปัตถัมภกกรรมที่ตรงข้ามกับตนเสีย แล้วให้ผลแทนที่ (ข้อ ๘ ในกรรม ๑๒)

อุปจาร เฉียด, จวนเจียน, ที่ใกล้ชิด, ระยะใกล้เคียง, ชาน, บริเวณรอบ ๆ; ดังตัวอย่างคำว่า อุปจารเรือน อุปจารบ้าน
แสดงตามที่ท่านอธิบายในอรรถกถาพระวินัยดังนี้
อาคารที่ปลูกขึ้นร่วมในแค่ระยะน้ำตกที่ชายคาเป็น เรือน, บริเวณรอบๆ เรือนซึ่งกำหนดเอาที่แม่บ้านยืนอยู่ที่
ประตูเรือนสาดน้ำล้างภาชนะออกไป หรือแม่บ้านยืนอยู่ภายในเรือนโยนกระดัง หรือไม้กวาดออกไปภายนอกตกที่
ใด ระยะรอบๆ กำหนดนั้นเป็นอุปจารเรือน
บุรุษวัยกลางคนมีกำลังดี ยืนอยู่ที่เขตอุปจารเรือน ขว้างก้อนดินไป ก้อนดินที่ขว้างนั้นตกลงที่ใด ที่นั้นจาก
รอบๆ บริเวณอุปจารเรือน เป็นกำหนดเขตบ้าน, บุรุษวัยกลางคนมีกำลังดีนั้นแหละ ยืนอยู่ที่เขตบ้านนั้นโยนก้อนดิน
ไปเต็มกำลัง ก้อนดินตกเป็นเขตอุปจารบ้าน; สีมาที่สมมติเป็นติจีวราวิปปวาสนั้น จะต้องเว้นบ้านและอุปจารบ้านดัง
กล่าวนี้เสียจึงจะสมมติขึ้น คือ ใช้เป็นติจีวราวิปปวาสสีมาได้; ดู ติจีวราวิปปวาสสีมา ด้วย