เรื่องเก่าเล่าใหม่ คำว่า 'วัด' มันเชย
----------โดย ปู่โอม----------
**********************************************************************************

                กากสูร อ่านว่า กากะสูน ความหมาย คือ กล้าดั่งกา หรือ กล้าเหมือนกา กาก็อีกาตัวดำๆ ที่ส่งเสียง กาๆๆ นี่แหละ กาเป็นสัตว์ปีกประเภทใจกล้าและหน้าด้าน ใจกล้าแบบโกง ขี้ฉ้อขี้ขโมย ใช้ชีวิตป้วนเปี้ยนอยู่กับสังคมมนุษย์คอยฉกฉวยอาหารกินยามคนเผลอ หรือไม่เผลอแต่วางสิ่งของที่อีกากินได้ไกลตัวหน่อย มันจะโฉบไปกินทันที ต่อให้ส่งเสียงไล่คอแทบแตกมันก็ไม่กลัว ขอคาบเหยื่อไว้ก่อน
                คนที่มีอำนาจหน้าที่แต่ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่สุจริต กลับใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อผลประโยชน์ใส่ตัว โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่น พูดง่ายๆ ก็คือไม่แคร์สายตาชาวบ้าน กอบโกยโกงกินท่าเดียว คนประเภทนี้ พระท่านเรียกพวก 'กากสูร'
                มองไปรอบข้าง มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นพวกกากสูร แต่คนพวกนี้สร้างความเสื่อมเสียแก่หมู่คณะมามาก ต่อมาก เข้าทำนองว่า ปลาเน่าตัวเดียว พาเหม็นหมดทั้งข้อง สังคมไทยวันนี้ การทุจริตคอรัปชั่นมีอยู่ในทุกวงการระดับล่างโกงกินกันนิดๆ หน่อยๆ เพราะจำกัด ด้วยอำนาจหน้าที่ แต่พวกมีอำนาจล้นฟ้าที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จนี่แหละอันตรายนัก
                พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เกี่ยวกับเรื่องนี้ถอดใจความได้ว่า "คนรู้น้อยโกงน้อย พวกรู้มากจะโกงมาก การเรียนรู้สูงๆ ไม่ใช่หลักประกัน ว่า พวกเขาจะไม่โกง"
                แผนการศึกษาในสมัยสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพระองค์นั้นจีงเน้นเรื่องความรู้คู่คุณธรรม และนำไปปฏิบัติกันอย่างจริงจัง เห็นได้ชัด ให้ใช้วัดเป็นสถานการศึกษา และนิมนต์พระภิกษุสามเณร ป็นครูสอนย้ำย้ำ ทำให้การศึกษาผูกพันอยู่กับพระศาสนามาตลอด
                ความรู้คู่คุณธรรมในสมัยเริ่มแรกปฏิรูปการศึกษาดำเนินไปอย่างได้ผลจริงๆ เบ้าหลอมลูกหลานไทย ให้เกิดความรู้ให้มีคุณธรรมจึงอยู่ที่การศึกษาและพระศาสนานี่เอง เส้นทางที่มุ่งตรงสู่ประตูความรู้คู่คุณธรรม จึงหนี ไม่พ้นกระทรวงศึกษาธิการ และพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ เส้นทางนี้จึงบริสุทธิ์ สะอาดโดยธรรมชาติมาตั้งแต่เริ่มแรก
                แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เพียงศตวรรษเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างคาดไม่ถึง วัดวาอาราม สถานที่อบรมคุณธรรมกลายเป็นสถานที่อันไม่พึงปรารถนาของคนที่อยู่แวดวงการศึกษา แม้แต่คำว่า วัดซึ่งอยู่ต้นชื่อของโรงเรียน ครูใหญ่ก็เห็นเป็นของเชยไป หาทางตัดทิ้งเสีย
                มีโรงเรียนใหญ่และเก่าแก่ตั้งมานาน ผลิตนักเรียนออกไปเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติมาแล้ว
มากมาย โรงเรียนเหล่านั้นล้วนตั้งอยู่ในวัดเช่น โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม โรงเรียนวัดบวรนิเวศ และโรงเรียนวัดราชบพิธ  โรงเรียนที่ตัดคำว่า 'วัด' ทิ้งไปได้นั้นก็พอดูอยู่แล้ว แต่โรงเรียนวัดบวรนิเวศนี่ซิขอรับ เจ็บปวดหัวใจจริงๆ
                แผนการศึกษาของชาติฉบับแรก สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ วัดบวรนิเวศ เป็นแม่ งานใหญ่ ร่วมกับสมเด้จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงหมายมั่นพระทัยที่จะให้โรงเรียนวัดบวรนิเวศ เป็นโรงเรียนต้นแบบ และวันนี้วัดนี้ยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชอีกด้วย
                เมื่อวานนี้ผมผ่านพระตำหนักที่ประทับ ไถลไปถึงโรงเรียน เห็นป้ายบอกชื่อว่าโรงเรียนว่า 'โรงเรียนบวรนิเวศ' ไม่มีคำว่า 'วัด' นำหน้า ...อนิจจา!


****************************************
ที่มา: นสพ.พิมพ์ไทย 5 ธ.ค.2544

หมายเหตุ.-
                บทความดังกล่าว ไม่เกี่ยวข้องกับคณะผู้จัดทำเว็บ แต่เห็นว่าเป็นประโยชน์ และมีสาระ ควรตระหนัก และควรที่เรา ทุกคนควรมีส่วนรับรู้ รับทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุชนรุ่นหลังจะได้รับทราบผลงานของบรรพบุรุษของพวกเรา ในที่นี้เราจะไม่ขอตัดสินว่าใครผิดหรือใครถูก เพราะเกินความสามารถของเรา และข้อมูล ที่เรามีอยในขณะนี้ยังไม่เพียงพอ เพียงแต่ขอฝากให้ท่านที่มีจิตสำนึก และมีรับผิดชอบต่อสังคม ประเทศชาติได้ร่วมกันตระหนักก่อนที่จะคิดทำสิ่งใด สำหรับท่านที่อ่านบทความนี้แล้ว ต้องการจะแสดงความคิดเห็นใด ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่ "เว็บบอร์ดวัดท่าไทร" ขอขอบคุณ