ในหลวงทรงย้ำ
สำนึกหน้าที่ทหารหาญ ถ้าทำได้แท้จริง ชาติจะปลอดภัย
*******************

            ในหลวงทรงหวั่นสถานการณ์บ้านเมืองไม่น่าไว้วางใจ ย้ำสำนักหน้าที่ทหารหาญเป็นที่พึ่งของประชาชนยามบ้านเมืองไม่ปกติ ทหารต้องเข้มแข็ง หากทำได้แท้จริง ประชาชน ประเทศชาติจะรอดพ้นและปลอดภัย และจะเป็นเกียรติ ศักดิ์ศรีแก่เหล่าทหารกล้า รวมทั้งกองทัพไทย ทั่วหล้าพร้อมใจจัดงานเฉลิมพระเกียรติ กระทรวง ยุติธรรมพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องหาแทนค่าปรับถวายเป็นพระราชกุศล รางวัล "พ่อตัวอย่างแห่งชาติ" แจกรางวัล 344 ราย พ่อ "รมต.อดิศัย" ร่วมคว้ารางวัล ส่วน "ทองดี ยีรัมย์" พ่อ "โทนี่ จา" ดารานำ "ต้มยำกุ้ง" ได้รางวัลด้วย รวมถึง "พ่อ บีม ดีทูบี" ก็ได้รางวัลเช่นกัน

            ที่ลานพระราชวังดุสิต บริเวณพระบรมรูปทรงม้า วันที่ 2 ธ.ค. เวลา 16.30 น. ได้มีพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน และสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2548 โดยมี พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสนาธิการทหาร พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์ เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.ร.อ.วีรพล วรานนท์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เสนาธิการทหารอากาศ ตามเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจพลสวนสนาม

            ทั้งนี้ พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองผสมนำทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จำนวน 13 กองพัน ร่วมพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตน จากนั้นเวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ ราชกุมาร เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ร.ย.ล.972 มายังบริเวณต้นขบวนแถวทหาร จากนั้น พล.ต. พฤณท์ ได้กราบบังคมทูลถวายรายงานขอพระราชทานกราบบังคับทูลอัญเชิญเสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนามด้วยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยนายทหารพิเศษ ประจำหน่วยทหารรักษาพระ องค์ 8 นาย ตามเสด็จ ซึ่งภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงตรวจพลสวนสนามแล้ว ได้ เสด็จขึ้นสู่พลับพลาที่ประทับ ผู้บังคับกองพันและหมู่เชิญธงชัยเฉลิมพล เข้าประจำที่หน้าพลับพลา

            ต่อมา พล.อ.เรืองโรจน์ นำนายทหาร ผู้ใหญ่กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล หลังจบคำถวายพระพร พล.อ.เรืองโรจน์ นำพานดอกไม้ธูปเทียนแพทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อจากนั้นได้นำทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณ โดยกล่าวตาม ผบ.ทหารสูงสุด โดยพร้อมเพรียงกัน ภายหลังเมื่อถวายคำปฏิญาณเสร็จ ผู้บังคับกองผสม สั่งถวายความเคารพวงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมปล่อยลูกโป่ง 7,200 ลูก และแพรถวายพระพรทรงพระเจริญ ปืนใหญ่ยิงสลุตถวาย 21 นัด ภายในบริเวณสนามเสือป่า

            จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสแก่นายทหารผู้ใหญ่ที่เข้าเฝ้าฯ และทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ความว่า ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็นความเข้มแข็งในพิธีครั้งนี้ ขอขอบใจในการอวยพรและปฏิญาณสัญญา ที่มาจากความจริง ใจของแต่ละคน ขอสนองพรเหล่านั้นด้วยใจจริงเช่นเดียวกัน

            เป็นที่ทราบกันดีว่าทหารมีหน้าที่ป้องกันประเทศ ปกป้องคุ้มครองประชาชนให้มีชีวิต อยู่ด้วยความร่มเย็นปกติสุข หน้าที่ทั้งนี้ถือว่าสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในระยะปัจจุบันที่สถานการณ์บ้านเมืองเราไม่น่าไว้วางใจ เหตุเพราะภัยอันตรายและความไม่เป็นไปตามปกติหลายประการ ทหารต้องสำนึก ตระหนักในความรับผิดชอบนี้ ที่ต้องทำหน้าที่ของตนให้เข้มแข็งหนักแน่นมากขึ้น ถ้าหากกระทำได้ครบถ้วนแท้จริง จะเป็นความสำเร็จความดี เป็นเกียรติ ศักดิ์ศรี ของทหาร ของกองทัพไทย ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัย และดำรงอยู่ได้ด้วยความมั่นคงสวัสดี

            ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนาจความภักดีในชาติบ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทหารประสบความสำเร็จ ความเจริญ ความมีชัย ในสิ่งที่พึงประสงค์โดยทั่วกัน

            ต่อมาเวลา 18.15 น. ผู้บังคับกองผสมได้สั่งกองผสมสวนสนามผ่านหน้าพลับพลาที่ประทับจำนวน 12 กองพัน และกองพันทหารม้ารักษาพระองค์ 1 กองพัน สวนสนามผ่านหน้าพลับพลาตามลำดับ ภายหลังเสร็จสิ้นการสวนสนามกองดุริยางค์ขับร้องเพลง "ป่ารักน้ำ" ภายหลังจบเพลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ กลับ ด้วยรถยนต์พระที่นั่ง ผู้บังคับกองผสม พร้อมทหารนำถวายพระพรเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" พร้อมกัน 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี

            ที่กระทรวงสาธารณสุข เวลา 09.00 น. นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นพลังของแผ่นดิน เพื่อถวายความจงรักภักดี โดยนายพินิจ กล่าวว่า ขอน้อมนำพระบรมรา โชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่ข้าราชการพลเรือน เนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือนที่วังไกลกังวลเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2548 มาเป็นแนวทางเพื่อให้ชาวสาธารณสุขใช้ปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นคนดีของแผ่นดิน โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตัว และสละความคิดจิตใจที่ต่ำ เพื่อให้การทำงานมีเกียรติและศักดิ์ศรี

            ที่กระทรวงยุติธรรม ดร.กิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นประธานการพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องหาแทนค่าปรับเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. โดยที่ประชุมสรุปให้ปล่อยผู้ต้องขังในกลุ่มผู้สูงอายุที่เกิน 70 ปี ผู้ต้องขังเจ็บป่วยที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้แต่ต้องโทษไม่ร้ายแรงหรือเป็นภัยต่อสังคม รวมทั้งเด็กและเยาวชนที่ต้องโทษปรับและไปฝึกอบรมในสถานพินิจฯ แบ่งการปล่อยตัวเป็น 2 รอบ ในวันที่ 4 ธ.ค. เวลา 09.30 น. มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่เรือนจำกลางคลองเปรม ส่วนรอบที่ 2 ในวันที่ 7 ธ.ค. ผู้ต้องขังที่เข้าหลักเกณฑ์ทั่วประเทศมีประมาณ 1 พันราย โดยค่าปรับจะนำเงินจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมาชำระแทน

            บริเวณสนามหน้าเทศบาลเมืองชุมพร เมื่อเวลา 09.00 น. นายพินัย อนันตพงษ์ ผู้ว่าฯ ชุมพร เดินทางเป็นประธานในพิธีปลงผมนาคที่จะอุปสมบทในโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 78 พรรษา ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ โดยนายพินัย กล่าวว่า มีผู้เข้าอุปสมบท 78 คน จะทำพิธีในพระอุโบสถวัดชุมพรรังสรรค์และวัดโพธิการราม โดยบวชนาน 15 วัน การจัดงานดังกล่าวมีประชาชนจองเป็น เจ้าภาพบวชกว่า 2 พันราย การอุปสมบทหมู่ในภาคใต้จะจัดที่ จ.ชุมพร และพังงา

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 3 ร่วมกับวัดจุฬามณี จ.พิษณุโลก และกก.ตชด.ที่ 31 จัดพิธีอุปสมบทหมู่ 179 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะมีการทำพิธีในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ที่วัดจุฬามณี โดยปีนี้เป็นปีที่ 19 แล้วที่ประชาชน หน่วยงานราชการและเอกชนร่วมกันจัดขึ้น ขณะที่ ร.ร.บางระกำวิทยา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จะทำการบวชสามเณร หมู่ 112 รูป ขึ้นที่วัดสุนทรประดิษฐ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเช่นเดียวกัน

            ขณะเดียวกัน สมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา ได้ประกาศผลผู้ได้รับรางวัลพ่อตัวอย่างแห่งชาติประจำปี 2548 เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งคัดเลือกจากผู้ที่ได้ รับการเสนอชื่อทั่วประเทศ เพื่อยกย่องและ เชิดชูเกียรติ โดยปีนี้มีพ่อได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 344 ราย เป็นบุคคลที่ประกอบอาชีพอยู่ในหลายแวดวง อาทิ นักการเมือง นักธุรกิจ พ่อของศิลปินดัง เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะเข้ารับรางวัลจาก พล.อ.ต.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ที่อาคารใหม่ สวนอัมพร

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อตัวอย่างที่ได้รับ รางวัลในปีนี้ อาทิ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. พล.ต.ท.นาวิน สิงหะผลิน ผช.ผบ.ตร. นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รศ.ดร.ไชยา ยิ้มวิไล นายทองปักษ์ เพียงเกษ บิดาของนายอดิศร เพียงเกษ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ รองประธานวุฒิสภา นายนิยม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคไทยรักไทย นายพิณ มะเสนา บิดาของนายวิทยา มะเสนา ส.ว.มหาสารคาม น.พ.วินัย วิริยกิจจา อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายทองดี ยีรัมย์ บิดา ของจา-พนม ยีรัมย์ นักแสดงชื่อดัง นายวีระศักดิ์ ตันจรารักษ์ บิดาของ กวี ตันจรารักษ์ หรือบีม ดีทูบี เป็นต้น.

ที่มา : นสพ.เดลินิวส์ 3 ธ.ค.48