|  
              
                      
              ผ้าป่า ครั้งพุทธกาลเรียกว่า ผ้าบังสุกุลจีวร 
              คือ ผ้าเปื้อนฝุ่นที่ไม่มีเจ้าของหวงแหน ทิ้งอยู่ตามป่าดงบ้าง ตามป่าช้าบ้าง 
              ตามถนนหนทางและห้อยอยู่ตามกิ่งไม้บ้างที่สุดจนกระทั่งที่เขาอุทิศวางไว้แทบเท้า 
              รวมเรียกว่า ผ้าป่า  
               
                    
              ประเพณีการทอดผ้าป่ามีมาแต่ครั้งพุทธกาล คือ 
              เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสรู้ใหม่ ๆ ยังไม่ได้ทรงอนุญาตให้ภิกษุรับคฤหบดีจีวร 
              คือ จีวรที่ชาวบ้านถวายโดยเฉพาะ ทรงอนุญาตแต่เพียงให้ภิกษุแสวงหาผ้าบังสุกุล 
              คือผ้าเปื้อนฝุ่นที่ไม่มีเจ้าของ เขาทิ้งแล้ว หรือผ้าที่เขาห่อซากศพทิ้งไว้ตามป่าช้า 
              และเศษผ้าที่ทิ้งอยู่ตามถนนหนทาง นำมาซักฟอกตัดเย็บเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่งที่ต้องการ 
              แล้วใช้นุ่งห่ม ชนผู้นับถือพระพุทธศาสนาส่วนมากในสมัยนั้นเห็นความลำบากของภิกษุในเรื่องนี้ 
              มีความประสงฆ์จะบำเพ็ญกุศลไม่ให้ขัดต่อพระพุทธบัญญัติ ในขณะนั้น จึงได้จัดหาผ้าที่สมควรแก่สมณบริโภคไปทอดทิ้งไว้ตามที่ต่าง 
              ๆ โดยมากเป็นในป่าช้าที่รู้ว่าภิกษุผู้แสวงหาเดินไป เห็นจะเป็นด้วยเหตุนี้จึงได้เรียกว่า 
              ผ้าป่า ในภาษาไทยเรา 
                    
              แต่ครั้งนั้นการทอดผ้าป่าไม่ได้นิยมกาล 
              แล้วแต่ใครมีศรัทธาจะทำเมื่อไรก็ทอดมันเมื่อนั้น เมื่อทรงบัญญัติจีวรกาล 
              คือ การแสวงหาและทำจีวรขึ้นจำกัด ๑ เดือน นับแต่ออกพรรษาแล้ว และถ้าได้กรานกฐินด้วยขยายออกไปอีก 
              ๔ เดือน จนถึง วันเพ็ญเดือน ๔ การทอดผ้าป่าจึงนิยมทำกันในระยะนี้ ส่วนมากในฤดูออกพรรษา 
              ใหม่ ๆ แม้ทางราชการในประเทศไทยก็เคยปรากฏว่า มีทำในระหว่างเดือน ๑๒ 
              พร้อมกับพระราชพิธีลอยพระประทีป 
               
                    
              การทอดผ้าป่าที่ทำกันในประเทศไทย มีทำกันหลายอย่าง อย่างที่เรียกว่า 
              ผ้าป่าแถมกฐิน คือ ทอดกฐินแล้วเลยทอดผ้าป่าด้วยก็มี ทำกันอย่างสัณฐานประมาณ 
              คือ เอาเครื่องไทยธรรมบรรจุกระถาง กระบุง กระจาด หรือถังสังกะสี แล้วเอากิ่งไม้ปักเอาผ้าห้อย 
              อุทิศตั้งไว้ตามทางที่พระเที่ยวบิณฑบาตผ่านมา หรือนำไปตั้งไว้ตาม พระอารามแล้วให้พระรู้ว่ามีผ้าป่ามาถึงที่ก็มี 
              เครื่องผ้าป่านี้อย่างน้อยมีแต่ผ้าผืนหนึ่งห้อยกิ่งไม้ ไปปักตามที่ดังกล่าวแล้วก็มีที่ทำกันอย่างขนาดใหญ่ถึงป่าวร้องหรือ 
              แจกฎีกาให้ทายกรับไปคนละองค์สององค์จนครบจำนวนภิกษุสามเณรทั้งวัด แล้วนำมาทอดพร้อมกันตามกำหนด 
              ทำกันครึกครื้นถึงแห่แหนสนุกสนานประกวดประชันกันพอถึงวัดแล้วก็ประชุมถวายอุทิศต่อหน้าพระสงฆ์เช่นนี้ก็มี 
               
               
                    
              บางแห่งในชนบท ผู้มีจิตศรัทธาได้จัดทำขึ้น โดยนำผ้าป่าบรรทุกเรือพ่วงไปทางน้ำ 
              เรียกกันว่า ผ้าป่าโยง ผ่านไปถึงวัดไหน ก็ทอดวัดนั้นเรื่อยไปดังนี้ก็มี 
                พิธีทอดผ้าป่านี้จะแบบไหก็ตามข้อสำคญมีอยู่ว่าให้อุทิศเป็นผ้าป่าจริง 
              ๆ อย่าถวายแก่ใครโดยเฉพาะ ถ้าทอดลับหลังพระสงฆ์ผู้รับเพียงแต่ตั้งใจขณะทอดว่าขออุทิศผ้าและเครื่องบริวารเหล่านี้แก่ภิกษุผู้ต้องการผ้าบังสุกุลมาถึงเฉพาะหน้า 
              เท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทอดและถวายผ้าป่าแล้ว 
                      
              แต่ถ้าเป็นการทอดหมู่ต่อหน้าสงฆ์ผู้รับ หัวหน้าทายกพึงนำว่าคำอุทิศถวายเป็นคำ 
              ๆ ทั้งคำบาลี และคำแปล 
                      
              สำหรับภิกษุผู้ชักผ้าป่า ไม่ว่าผ้าป่าแบบไหน พึงยืนสงบตรงหน้าผ้าเอื้อมมือขวาจับผ้า 
              ให้จับหงายมือ อย่าจับคว่ำมือ แล้วกล่าววาจาหรือบริกรรมในใจว่า "อิมํ 
              ปํสุกูลจีวรํ อสฺสามิกํ มยฺหํ ปาปุณาติ" ผ้าบังสุกุลผืนนี้ เป็นผืนที่ไม่มีเจ้าของหวงแหนย่อมถึงแก่ข้าพเจ้า 
              ดังนี้ (บางอาจารย์เติมคำชักผ้าป่าเข้าในระหว่าง อสฺสามิกํ... มยฺหํ 
              เป็นคำว่า "อิมํ ปํสุกูลจีวรํ อสฺสามิกํ โหติ อชฺช มยฺหํ ปาปุณาติ" 
              ก็มี) กล่าววาจาหรือทำบริกรรมในใจจบแล้วชักผ้านั้นมา เป็นอันเสร็จพิธีแต่ถ้าเป็นผ้าป่าถวายหมู่เมื่อชักแล้ว 
              พึงอนุโมทนาด้วยบท วิเสสอนุโมทนา ในทานนี้นิยมใช้ บท สพฺพพุทธานุภาเวน... 
              หากเป็นผ้าป่าเฉพาะรูป อนุโมทนาด้วยสามัญอนุโมทนาเท่านั้นก็ได้ ถ้าพระสงฆ์อนุโมทนา 
              ทายกพึงกรวดน้ำขณะพระว่า ยถา... แล้วประณมมือรับพรไปจนจบ เป็นอันเสร็จพิธี. 
               
                    
              การทอดผ้าป่านี้ ในทางพระพุทธศาสนานับเป็นการกุศลอันสำคัญ 
              เพราะพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายต้องใช้ผ้าบังสุกุลจีวรเป็นปัจจัยเครื่องอาศัยประการหนึ่ง 
              พึงเห็นว่าเมื่อพระอุปัชฌาย์ให้อุปสมบทแก่กุลบุตรแล้ว ก็บอกอนุศาสน์ 
              คือ คำสอนเบื้องต้น ในบัดนั้น ในอนุศาสน์นั้น มีการสอนให้ใช้ผ้าบังสุกุลจีวรเป็นนิตย์อยู่ด้วย 
              แต่ก็ทรงอนุญาตให้ใช้ผ้าเป็นอติเรกลาภอย่างอื่นได้เหมือนกัน ผู้ทอดผ้าบังสุกุลจีวร 
              (ผ้าป่า) นั้น ก็ได้ชื่อว่าช่วยให้พระภิกษุสงฆ์ได้รักษาประเพณีข้อนี้ให้มั่นคงอยู่ได้ 
               
                    
              การทอดผ้าป่านั้น เคยมีมาแต่ครั้งพุทธกาล ที่เป็นครั้งสำคัญที่สุดก็คือ 
              เมื่อครั้งนางบุณณทาสี ธิดาของเศรษฐีตระกูลหนึ่งถึงแก่มรณะ เจ้าภาพก็เอาผ้าเนื้อดี 
              ทอดเป็นผ้ามหาบังสุกุลนี้ ได้บังเกิดมหาอัศจรรย์ มีแผ่นดินไหวถึงเจ็ดครั้ง 
              มหาชนต่างก็นมการทอดผ้าป่าแต่นั้นเป็นลำดับมา แต่ก็ไม่ได้จำกัดเวลาว่า 
              จะทอดกันเวลาไหน เมื่อใครจะมีศรัทธา และพร้อมเมื่อไรก็สามารถทอดถวายแด่พระสงฆ์ได้ทันที 
               
                    
              ส่วนการทอดผ้าป่าแด่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาในวัดต่าง 
              ๆ ในวันออกพรรษาของจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ 
              นิยมจัดผ้าอันเป็นบังสุกุลจีวร พร้อมด้วยเครื่องบริวารต่าง ๆ ที่จะขาดเสียมิได้ก็คือผ้าหนึ่งผืนเพื่อให้พระสงฆ์พิจารณา 
              และปิ่นโต ๑ เถา พร้อมภัตตาหาร เพื่อถวายให้พระที่มาพิจารณาผ้าป่าได้ฉัน 
              โดยเหตุนี้จึงเรียกพุ่มผ้าป่าในวันนี้ว่า "ผ้าป่าข้าวสุก" 
              ส่วนสิ่งของนอกจากที่กล่าวมานั้นก็มีการจัดถวายพระสงฆ์ตามกำลังศรัทธา 
              โดยนิยมจัดพุ่มผ้าป่าไว้บริเวณหน้าบ้าน มีเลขหมายประจำพุ่มไว้ บางบ้านก็จัดทำพุ่มผ้าป่าอย่างงดงามและมีการประกวดกัน 
              มีกรรมการซึ่งทางเทศบาลได้จัดตั้งขึ้นพิจารณาให้ได้รับรางวัล เป็นเกียรติ 
              เป็นที่ระลึกในการบำเพ็ญกุศล ผู้จัดการคือเทศบาลและอำเภอร่วมกัน ได้นำสลากนั้น 
              ๆ ถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยไม่จำเพาะเจาะจงแล้วแต่ท่านจะจับสลากได้แล้ว 
              ก็นิมนต์ไปชักผ้าป่าตามสถานที่นั้น ๆ ในเวลาเช้าตั้งแต่ ๐๖.๐๐ น. เป็นต้นไป 
              อันนับว่าเป็นกุศลสังฆทานในพระพุทธศาสนาประการหนึ่ง 
               
              
              ภาพถ่าย นางพยอม สารสิน 
              ผู้ริเริ่มงานประเพณีทอดผ้าป่าออกพรรษาของ 
              วัดท่าไทร และ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 
              ซึ่งเป็นมรดกไทย 
              มรดกโลก  
                    
              ประเพณีการทอดผ้าป่าในเทศกาลวันออกพรรษา 
              ซึ่งตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีตามที่ได้กระทำกันอยู่ 
              ณ บัดนี้ ได้มี นางพยอม นามสกุลเดิมคือ เริ่มก่อสกุล (ธิดาของนายเอม 
              นางขำ เริ่มก่อสกุล) ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ตลาดท่าทองใหม่ ตำบลท่าองใหม่ 
              อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ริเริ่มจัดให้มีประเพณีทอดผ้าป่าออกพรรษาขึ้น 
              ณ วัดท่าไทร ตำบลท่าองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทุกวันแรม 
              ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ (หลังออกพรรษา ๑ วัน) ขณะเดียวกันได้จัดให้มีการชักพระ 
              (ชักลากพระ) โดยใช้เรือทางน้ำ เรือทางบก เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้สักการะบูชาให้เกิดสิริมงคลในโอกาสออกพรรษา 
              เทียบเคียงการจัดฉลองวันเทโวโรหณะในอดีตกาลครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ 
              และมีการละเล่นกีฬาทั้งทางบกและทางน้ำอย่างสนุกสนาน ซึ่งประเพณีดังกล่าวยังคงได้รับการอนุรักษ์ให้มีอยู่จวบจนกระทั่งปัจจุบัน 
               
                    
              ต่อมานางพยอม เริ่มก่อสกุล ต่อมาภายหลัง 
              สมรสกับ นายฉาย สารสิน จึงได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น สารสิน ตามสามี ได้ย้ายไปอยู่ 
              กับสามี ที่ตรอกไม้ไผ่งาช้าง ข้างวัดกลาง ในตลอดบ้านดอน และได้ได้จัดให้มีประเพณีดังกล่าวขึ้นอีกที่บ้านดอน 
              (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ในปัจจุบัน) โดยเริ่มแรกได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์จากวัดท่าไทรเป็นหลักในการไปพิจารณาผ้าบังสุกุล 
              ซึ่งภายหลังเจ้าอาวาสวัดท่าไทรในขณะนั้น ก็ได้แนะนำให้นิมต์พระภิกษุซึ่งจำพรรษาอยู่ในวัดที่อยู่ในบ้านดอนซึ่งใกล้บ้านไปพิจารณาชักผ้าบังสุกุล 
              (ผ้าป่า)ด้วย จึงถือเป็นประเพณีปฏิบัติซึ่งได้กระทำกันสืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ 
               
                    
              ครั้นกาลล่วงมาถึง หลวงพ่อชม คุณาราโม (ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น 
              พระครูดิตถารามคณาศัย) ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าไทร 
              พ.ศ. ๒๔๗๑ ท่านได้พิจารณาเห็นว่าไม่เป็นการสะดวกแก่พระภิกษุสามเณรในการที่จะไปพิจารณาผ้าบังสุกุล 
              (ชักผ้าป่า) ซึ่งนางพยอมได้นิมนต์เอาไว้ เพราะจัดในวันเดียวกันกับประชาชนพุทธบริษัทบ้านท่าทองใหม่ 
              จึงได้เลื่อนการจัดประเพณีดังกล่าวของวัดท่าไทรจากวันแรม ๑ ค่ำ ไปเป็น 
              แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ (หลังจากที่นางพยอมจัดทำและทอดผ้าป่าที่ตลอดล่าง 
              บ้านดอนเป็นเวลา ๗ วัน)  
                และต่อมา 
              พ.ศ. ๒๕๒๒ (๑๒ พ.ย. ๒๕๒๒) พระครูดิตถารามคณาศัย ได้มรณภาพลง 
                      
              พ.ศ. ๒๕๒๒ พระมหาสนอง วิโรจโน ป.ธ. ๙ ได้รับหน้าที่เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดท่าไทร 
              และได้สืบสานประเพณีดังกล่าวไว้เช่นเดิม 
                      
              ต่อมา พ.ศ. ๒๕๒๓ พระมหาชูชาติ กนฺตวณฺโณ (พระราชทินนามปัจจุบันคือ 
              พระเทพพิพัฒนาภรณ์) ได้เป็นเจ้าอาวาส และท่านได้พิจารณาเห็นว่าเพื่อให้เกิดกายสามัคคีจึงได้ริเริ่มให้จัดตั้งพุ่มผ้าป่าในบริเวณวัดท่าไทรแทนการตั้งพุ่มที่บ้านของชาวบ้านเหมือนครั้งในอดีต 
              ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน (นิยมตั้งพุ่มที่หน้าบ้านเฉพาะพุ่มพิเศษและพุ่มประกวดบางพุ่มเท่านั้น) 
                    
              ปัจจุบันประเพณีชักพระ 
              - ทอดผ้าป่าวัดท่าไทร ยังคงปฏิบัติสืบทอดอย่างต่อเนื่อง แต่มีการปรับเปลี่ยนไปจากรูปแบบเดิมบ้าง 
              โดยการจัดกิจกรรมจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๑ เรือพระน้ำของวัดท่าไทรจะมาเคลื่อนจากอำเภอเมือง 
              ฯ มายังท่าน้ำวัดท่าไทร ส่วนรถพนมพระบกของวัดท่าไทรและต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอกาญจนกดิษฐ์และใกล้เคียง 
              จะจอดรวมกันบริเวณลานวัดท่าไทร และมีการจัดเตรียมพุ่มผ้าป่าบริเวณวัดท่าไทร 
              คืนวันแรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๑ วัดท่าไทรจัดให้มีพิธีสมโภชพุ่มผ้าป่าขึ้นและมีมหรสพให้ประชาชนได้ชมเพื่อความสนุกสนาน 
               
                    
              ตอนเช้าวันแรม 
              ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ เวลาประมาณ ๐๗.๓๐ น. ภายในวัดท่าไทรจะมีพิธีทอดผ้าป่าและถวายผ้าป่าแด่พระสงฆ์ 
              สามเณรตามหมายเลขที่จับฉลากได้ แต่เดิมหลังจากทอดผ้าป่า เสร็จแล้วจะร่วมกันชักลากรถพนมพระเข้าไปในตลาดท่าทองใหม่ 
              เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันทำบุญ หลังจากลากเรือพระกลับมาถึงวัดท่าไทร 
              ประชาชนจะจัดให้มีการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านขึ้นในบริเวณวัดท่าไทร แต่ปัจจุบันเนื่องจากเรือพระแต่ละลำมีขนาดใหญ่และมีความสูงมากขึ้น 
              การลากพระเข้าสู่ตลาดท่าทองใหม่เป็นการไม่สะดวก เนื่องจากถนนแคบ ติดสายไฟฟ้าที่ข้ามถนน 
              จึงงดการชักรถพนมพระเข้าตลาดท่าทองใหม่ คงไว้เพียงจอดรถพนมพระในบริเวณวัดให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญ 
               
               
                      
               ตอนค่ำของวันแรม 
              ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. จะมีการนิมนต์พระสงฆทั้งจากวัดท่าไทรและวัดใกล้เคียง 
              มาเจริญพระพุทธมนต์สมโภชรถพนมพระและเรือพนมพระ เพื่อให้เกิดสิริมงคล 
              เสร็จแล้วมีมหรสพให้ชมฟรี และในวันต่อมา ภาคกลางวันจะมีการแข่งขันกีฬาพื้นบ้านภายในบริเวณท่าไทร 
              ภาคกลางคืนจะมีมหรสพให้ชมฟรี โดยมีประชาชนทั้งชาวตำบลท่าทองใหม่ และใกล้เคียงทั้งในอำเภอกาญจนดิษฐ์ 
              และอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เข้าร่วมกิจกรรมสืบสานประเพณีกันอย่างต่อเนื่องมิเสื่อมคลายจนกระทั่งทุกวันนี้ 
            ************************************ 
               
            ประวัติของ 
              นางพยอม สารสิน (เริ่มก่อสกุล) 
              ผู้ริเริ่มงานประเพณีทอดผ้าป่าออกพรรษาของวัดท่าไทร 
              และจังหวัดสุราษฎร์ธานี 
              ซึ่งเป็นมรดกไทย มรดกโลก  
            *********** 
                
               
                    
               นางพยอม 
              สารสิน เกิดเมื่อ วันพฤหัสบดี ปีขาล พ.ศ. ๒๔๒๐ เป็นธิดาของ นยเอม นางขำ 
              เริ่มก่อสกุล (ชาวบ้านท่าทองใหม่) ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ 
              จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๔ คน ได้แก่.. 
                       
              ๑.คุณยายเล็ก  
                       
              ๒.คุณยายเฟือง 
                       
              ๓.คุณยายกลับ 
                       
              ๔.นางพยอม สารสิน 
              มีบุตรกับนายทองหวาน (สามีคนก่อน) จำนวน ๖ คนทราบชื่อเพียง ๓ คนเท่านั้น 
              ได้แก่  
                      
               ๑.นางหอม (ถึงแก่กรรมแล้ว) ไม่มีบุตรธิดา 
               
                      
               ๒.นายยุคล (ถึงแก่กรรมแล้วและไม่ปรากชื่อสามี) 
              มีบุตร ๒ คน (ไม่ปรากฏชื่อและถึงแก่กรรมแล้ว)  
                      
               ๓.นางหนูชื่น (ถึงแก่กรรมแล้ว 
              และไม่ปรากชื่อสามี) มีบุตร ธิดา รวม ๗ คน ได้แก่  
                      
                     
               (๑) นางลัดดาวัลย์ วัชรนพวิภา 
              (นามสกุลหลังสมรส) มีบุตร ธิดารวม ๔ คน (ไม่ปรากฏชื่อ) 
                      
                     
               (๒) นางผ่องศรี ติณจินดา (นามสกุลหลังสมรส) 
              มีบุตร ธิดารวม ๕ คน (ไม่ปรากฏชื่อ) 
                      
                     
               (๓) นางราตรี (ไมทราบนามสกุล 
              และไม่ปรากฏชื่อสามี) มีบุตรธิดารวม ๓ คน (ไม่ปรากฏชื่อ) 
                      
                     
               (๔)นายกวี แซ่กวาง  
                      
                     
               (๕) นายปิยะธัช ธัชประดิษฐ์ (ไม่ปรากฏชื่อภรรยา) 
              มีบุตรธิดารวม ๔ คน (ไม่ปรากฏชื่อ) 
                      
                     
               (๖) นางสาวทิพวรรณ วัชรนพวิภา 
                      
                     
               (๗) นางสาวพรทิพย์ แซ่กวาง 
               
                    
               ในปี ๒๔๖๗ นางพยอม ได้ริเริ่มได้ริเริ่มประเพณีการทอดผ้าป่าออกพรรษาของวัดท่าไทร 
              คราวแรกกระทำนั้น โดยการแนะนำของพระธรรมวิโรจน์เถระ ซึ่งท่านได้แนะนำวิธีทำและพรรณนาอานิสงส์ให้ฟัง 
              นางพยอม จึงชักชวนคนที่รู้จัก คุ้นเคยกันและมีจิตศรัทธาทั้งหลายตั้งพุ่มผ้าป่าที่หน้าบ้านของตน 
              ทำต่อมาจนกระทั่งมีคนศรัทธา เห็นดีเห็นงามและร่วมตั้งพุ่มผ้าป่ากันมากขึ้น 
               
                    
               นางพยอม เริ่มก่อสกุล ต่อมาภายหลัง 
              สมรสกับ นายฉาย สารสิน จึงได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น สารสิน ตามสามี ได้ย้ายไปอยู่ 
              กับสามี ที่ตรอกไม้ไผ่งาช้าง ข้างวัดกลาง ในตลอดบ้านดอน มีบุตรด้วยกัน 
              ๒ คน แต่ไม่ปรากฏชื่อ และได้จัดให้มีประเพณีดังกล่าวขึ้นอีกที่บ้านดอน 
              (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ในปัจจุบัน) โดยเริ่มแรกได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์จากวัดท่าไทรเป็นหลักในการไปพิจารณาผ้าบังสุกุล 
              ซึ่งภายหลังเจ้าอาวาสวัดท่าไทรในขณะนั้น ก็ได้แนะนำให้นิมต์พระภิกษุซึ่งจำพรรษาอยู่ในวัดที่อยู่ในบ้านดอนซึ่งใกล้บ้านไปพิจารณาชักผ้าบังสุกุล 
              (ผ้าป่า)ด้วย จึงถือเป็นประเพณีปฏิบัติซึ่งได้กระทำกันสืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ 
                    
               ส่วนการที่ให้มีการประกวดพุ่มผ้าป่า 
              ครั้งแรกนางพยอมเป้นผู้คิดทำ เพื่อเป็นการชักจูงให้ผู้ทำพุ่มผ้าป่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งขึ้น 
              โดยนางพยอมได้ไปขอของรางวัลจากมิตรสหายและห้างร้านต่าง ๆ เพื่อเป้นรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดพุ่มผ้าป่า 
              และได้ขอร้องผู้รู้คติการทอดผ้าป่ามาเป็นกรรมการ โดยออกตรวจพุ่มผ้าป่าต่าง 
              ๆ ตอนใกล้รุ่งสว่างตามหน้าบ้านของผู้ทำพุ่มผ้าป่า แล้วจดชื่อ นามสกุลของผู้ตกแต่งที่เห็นว่าเป็นคตินั้นมาพิจารณาร่วมกัน 
              แล้วจึงให้รางวัลในภายหลัง 
                    
               ต่อมาภายหลัง นางพยอม สารสิน 
              ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ พักอยู่กับสามีที่บ้านนายพจน์ สารสิน และได้นำหลานชื่อ 
              ลัดดาวัลย์ และ ผ่องศรี ไปอยู่ด้วยเพื่อส่งให้เรียนหนังสือ ทำให้ไม่สามารถจัดงานประเพณีทอดผ้าป่าได้เพราะอยู่ไกลและชราภาพ 
              จึงมอบให้หลานชายชื่อ นายเอื้อน เริ่มก่อสกุล (ปัจจุบันถึงแก่กรรม) 
              ให้ช่วยดูแล และต่อมาทางเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานีจึงได้รับเป็นดำเนินการแทน 
              ซึ่งเป็นเทศกาลของเทศบาลเสียเอง พร้อมทั้งได้รับเอางานแห่พระทางน้ำมาเป็นงานเทศกาลท้องถิ่นร่วมกับการทอดผ้าป่าด้วย 
              งานจึงตกทอดและปรากฏเป็น "ประเพณีชักพระ 
              ทอดผ้าป่า แข่งเรือยาว" และจัดเป็นประจำทุกปีจนกระทั่งปัจจุบีนนี้ 
                    
              ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒นางพยอม สารสิน ได้ย้ายกลับมาอาศัยอยู่ที่จ.สุราษฎร์ธานีอีกครั้งหนึ่ง 
              โดยพักอยู่กับลูกชื่อ นางหอม ที่บ้านท่าทองใหม่ ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ 
              และบางครั้งก็พักอยู่ที่บ้านดอน อ.เมืองสุรษษฎร์ธานี ก็จะพักอยู่กับหลานชื่อลัดดาวัลย์ 
              วัชรนพวิภา และผ่องศรี ติณจินดา (ปัจจุบันทั้ง ๒ คนนี้ ยังมีชีวิตอยู่) 
               
                    
               นางพยอม สารสิน ได้ถึงแก่กรรมลงด้วยโรคชรา 
              เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๑ ตรงกับวันพุธ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก 
              คำนวณอายุได้ ๙๑ ปี และได้ทำพิธีฌาปนกิจศพที่เมรุวัดธรรมบูชา ตำบลตลาด 
              อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๑๑ ตรงกับวันพุธ 
              แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก  
            
               
                |  
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
               
               
                |  
                   รูปในหนังสือแจกงานศพของ 
                    นางพยอม สารสิน (เริ่มก่อสกุล) 
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                   ภาพหีบศพของ 
                    นางพยอม 
                    สารสิน (เริ่มก่อสกุล) 
                 | 
               
               
                |  
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
               
               
                |  
                   ญาติ 
                    พี่น้อง และประชาชนที่มาร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพ  
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                   อีกมุมหนึ่งของญาติ 
                    พี่น้อง และประชาชนที่มาร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพ  
                 | 
               
               
                |  
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
               
               
                |  
                   ภาพญาติ 
                    พี่น้อง ที่มาร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลศพ  
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                   ครอบครัวคุณลัดดาวัลย์ 
                    วัชรนพวิภา  
                 | 
               
               
                |  
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                  
                 | 
               
               
                |  
                   ส่วนหนึ่งของ 
                    หลาน เหลน ของนางพยอม สารสิน (เริ่มก่อสกุล) 
                 | 
                 
                  
                 | 
                 
                   ส่วนหนึ่งของ 
                    ลูก หลาน เหลน ของนางพยอม สารสิน (เริ่มก่อสกุล) 
                 | 
               
               
                |  
                  
                 | 
               
               
                |  
                  
                 | 
               
               
                |  
                   วันที่ 
                    ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ 
                    คณะครอบครัว 
                    หลาน เหลน โหลน ของคุณยายพยอม สารสิน (เริ่มก่อสกุล) ได้พร้อมใจกันจัดทำพุ่มผ้าป่าถวายแก่คณะสงฆ์วัดท่าไทร 
                    เพื่อสืบสานประเพณีทอดผ้าป่าของวัดท่าไทรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี 
                    เป็นเป็นมรดกทางอารยธรรมของคุณยายพยอม 
                    สารสิน (เริ่มก่อสกุล) 
                    โดยมี พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไทร 
                    เป็นผู้ให้คำแนะนำและประสานงาน 
                     
                 | 
               
               
                |  
                  
                 | 
               
               
                 
                   
                    
                       
                        |  
                          
                         | 
                         
                          
                         | 
                       
                       
                        |  
                           ครอบครัว 
                            หลาน เหลน โหลน คุณยายพยอม, ได้จัดพิมพ์หนังสือ 
                            คู่มือเรียนนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นตรี 
                            วัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานี  
                            ของ พระมหาบุญโฮม 
                            ปริปุณณสีโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไทร 
                            (พิมพ์ครั้งที่ ๑๕/๒๕๕๘) 
                            จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม 
                            เพื่อสนับสนุนการศึกษาของคณะสงฆ์ของวัดท่าไทร 
                            จังหวัดสุราษฎร์ธานี  
                            ในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘. 
                          
                          
                         | 
                         
                           ครอบครัว 
                            หลาน เหลน โหลน คุณยายพยอม ได้จัดพิมพ์หนังสือ 
                            กำเนิดประเพณีการทอดผ้าป่าของวัดท่าไทรและของจังหวัดสุราษฎร์ธานี 
                             
                            จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม  
                             
                            เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานประเพณีชักพระทอดผ้าป่าออกพรรษาของวัดท่าไทร 
                            จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘. 
                            (แจกที่วัดท่าไทร 
                            ๗๐๐ เล่ม มอบแก่ห้องสมุดและผู้สนใจ ๓๐๐ เล่ม) 
                             
                         | 
                       
                     
                   
                 | 
               
             
            เอกสารอ้างอิง.- 
                      
              กรมการศาสนา, นางวันดี จันทร์ประดิษฐ์, 
              นายสุวรรณ กลิ่นพงศ์, พิธีกรรมและประเพณี,กรุงเทพฯ, โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย 
              จำกัด,๒๕๕๒ 
                      
              กรมศิลปากร 
              กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์(๒๕๓๗), ประเพณีชักพระ, กรมศิลปากร 
              กรุงเทพฯ,๒๕๓๗ 
                      
               ครอบครัว 
              หลาน เหลน โหลน คุณยายพยอม,กำเนิดประเพณีการทอดผ้าป่าของวัดท่าไทร 
              และของจังหวัดสุราษฎร์ธานี,  
              ไม่ปรากฏชื่อโรงพิมพ,์ ซึ่งพิมพ์แจกเป็นที่ระลึกในงานประเพณีชักพระทอดผ้าป่าออกพรรษาของวัดท่าไทร 
              จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘. 
                      
              จังหวัดสุราษฎร์ธานีและเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี, 
              สูจิบัตรงานประเพณีชักพระ-ทอดผ้าป่าและแข่งเรือยาว ประจำปี ๒๕๔๖ 
              จังหวัดสุราษฎร์ธานี, โรงพิมพ์สุวรรณอักษร, สุราษฎร์ธานี ๒๕๔๖ 
                      
              จันทร์ เขมจารี, พระมหา. ประวัติผ้าป่าของจังหวัดสุราษฎร์ธานี, 
              (ฉบับพิมพ์แจกในพิธีฌาปนกิจศพ นางพยอม สารสิน), โรงพิมพ์พิมอำไพ, ถนชนเกษม 
              สุราษฎร์ธานี, ๒๕๑๑ 
                       
              นายพร้อม ถาวรสุข, สุนทรพจน์ในงานแห่พระประจำปีของจังหวัดสุราษฎร์ธานี, 
              ๘ ตุลาคม ๒๔๙๒ ซึ่งพิมพ์แจกเป็นที่ระลึกในงานแห่พระประจำปี ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี 
              พ.ศ. ๒๔๙๓, โรงพิมพ์รัตนมีศรี, บ้านดอน สุราษฎร์ธานี, ๒๔๙๓ 
                      
              บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา, คู่มืออุบาสกอุบาสิกาวัดท่าไทร, 
              สุราษฎร์ธานี, ๒๕๔๐ 
                      
              บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา,คู่มือเรียนนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นตรี 
              วัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานี(พิมพ์ครั้งที่ ๑๕/๒๕๕๘), โรงพิมพ์รัตนศิลป์การพิมพ์, 
              กรุงเทพฯ, ๒๕๕๘ (จัดพิมพ์ถวายโดย คณะลูก 
              หลาน เหลน โหลน ญาติมิตร ของนางพยอม 
              สารสิน(เริ่มก่อสกุล)  
                      
              บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา,คู่มือเรียนนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นโท 
              วัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานี(พิมพ์ครั้งที่ ๘/๒๕๕๘), สำนักศาสนศึกษาวัดท่าไทร, 
              สุราษฎรธ์านี, ๒๕๕๘  
                      
              บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา,ประวัติพระครูดิตถารามคณาศัย(พลวงพ่อชม 
              คุณาราโม) วัดท่าไทร, สุราษฎร์ธานี, ๒๕๔๓  
                      
              บุญโฮม ปริปุณณสีโล,พระมหา,ประวัติประเพณีทอดผ้าป่าวัดท่าไทร, 
              นสพ.กระแสข่าวทักษิณ ปีที่ ๑ ฉบับประจำเดือน พฤศจิกายน ๒๕๔๗ หน้า ๑๒ 
              คอลัมน์ศาสนา 
                      
               ประเพณีไทย ฉบับพระมหาราชครู,กรุงเทพฯ, 
              โรงพิมพ์ ลูก ส.ธรรมภักดี, ๒๕๑๘ 
                      
               รัตน์ ยืนนาน, งานวิจัยเรื่องประเพณีชักพระของจังหวัดสุราษฎร์ธานี, 
              วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี,๒๕๒๖ 
                      
               สมปราชญ์ อัมมะพันธุ์,ประเพณีท้องถิ่นภาคใต้, 
              กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.๒๕๔๘ 
                      
               สากล สุขสวัสกดิ์,ปริญญานิพนธ์ 
              เรื่องศึกษาประเพณีลากพระของจังหวัดสุราษฎร์ธานี : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ,๒๕๓๗ 
                      
               สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี.ชักพระ-ทอดผ้าป่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี, 
              โครงการมหัศจรรย์วัฒนธรรมศรีวิชัย ศิลป์ไทย ศิลป์ถิ่น ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี 
              ๒๕๕๗ จังหวัดสุราษฎร์ธานี,๒๕๕๗ 
               
              ---------------------------  
            หมายเหตุ.-ปรับปรุงข้อมูลครั้งล่าสุด 
              วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ 
               
           |