ประวัติพระกิตติมงคลพิพัฒน์

(หลวงพ่อจ้อย ฐิตปุญโญ)
อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ และ อดีตเจ้าคณะอำเภอดอนสัก
วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี

******************

ขอเกริ่นนำเพื่อทำความเข้าใจ.-

              เนื่องจากท่านเจ้าคุณ พระกิตติมงคลพิพัฒน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ในการประกอบพิธีให้บรรพชาอุปสมบทแก่ พระเทพพิพัฒนาภรณ์ (ชูชาติ กนฺตวณฺโณ ป.ธ.๕,น.ธ.เอก) เจ้าอาวาสวัดท่าไทร และเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี รูปปัจจุบัน (ในขณะนั้นท่านมีอายุ ๒๒ ปี เมื่อวันที่ ๑๑ เดือน กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ เวลา ๑๕.๓๕ น. ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็น Webmaster จึงขออนุญาตนำสังเขปประวัติของท่านเจ้าคุณ พระกิตติมงคลพิพัฒน์ มานำเสนอ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ คุณงามความดี ผลงาน และน้อมบูชาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ และเพื่อให้ทุกท่านได้มีโอกาสชื่นชมในบารมีธรรมของท่านอีกทางหนึ่งด้วย

              ขณะเดียวกัน ก็ขออนุโมทนาแก่ คุณบำรุง พันธุ์อุบล (หลานของหลวงพ่อจ้อย) ตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงาน คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สำนักกรรมาธิการ ๓ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ Webmaster และทำให้ข้อมูลมีความชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขออนุโมนาเป็นอย่างยิ่งไว้ ณ ที่นี้

              ผู้รวบรวมประวัติ ขออภัยเป็นอย่างสูงต่อทุกท่านที่ไม่สามารถนำข้อมูลและภาพประกอบมาเสนอแด่ท่านได้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้กำลังแสวงหาอยู่ เมื่อเราได้มาอย่างสมบูรณ์เมื่อใดแล้ว จะรีบนำลงในเว็บฯ เพื่อประกาศเกียรติคุณ และให้ทุกท่านได้รับทราบในโอกาสต่อไป

              หากท่านใดที่มีข้อมูล และภาพประกอบเพิ่มเติม และมีความประสงค์จะร่วมประกาศเกียรติคุณ บารมีธรรมหลวงพ่อจ้อยของพวกเรา ขอเชิญส่งไปที่ เว็บมาสเตอร์ E-mail : watthasai@gmail. com,songpak16@yahoo.com, fm107.25mhz@gmail.com จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่ง


              พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล (ไชยฤทธิ์)
              ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไทร
                          เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๖

ความเบื้องต้น.-
              ท่านเจ้าคุณ พระกิตติมงคลพิพัฒน์ ท่านมีนามเดิมว่า จ้อย นามสกุล พันธุ์อุบล ต่อมาท่าน พระครูวอน (ไม่ทราบฉายา) ผู้เป็นอา ได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น ไกรวงศ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๔๘ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง ณ บ้านหัวรอ ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นบุตร นายนวล - นางห้อง พันธุ์อุดม มีอาชีพกสิกรรม ท่านเป็นบุตรคนเดียวของพ่อแม่

ท่านได้รับการศึกษา
              ที่ วัดมะขามคลาน ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา มีท่านพระครูวอน พุทธสโร เป็นผู้สอน ท่านมีความสนใจใฝ่รู้เป็นอย่างมาก และท่านได้ศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ เช่น วิชาภาษาไทย ภาษาบาลี อักษรขอม เวทมนตร์ คาถาอาคม โหราศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ

ชีวิตในวัยหนุ่มของท่าน

              ท่านตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เนื่องจากพ่อไปมีภรรยาใหม่ และท่านได้หลงผิดไประยะหนึ่ง จนถึงกับได้กระทำกรรมที่ไม่ดี จนถึงกับทำให้พ่อแม่ญาติมิตรเดือดร้อนไปด้วย บิดาจึงส่งให้ไปอาศัยกับน้าสาวที่อำเภอดอนสัก ด้วยอำนาจบุญกุสลบารมีที่ท่านเคยสั่งสมไว้จึงทำให้ท่านได้พบกัลยาณมิตรแนะนำ จนกระทั่งเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้กลับไปอุปสมบทที่จังหวัดสงขลา จนกระทั่งครบ ๑ พรรษา ท่านจึงลาสิกขากลับมาอยู่ที่ดอนสักตามเดิม และต่อมาท่านได้แต่งงานกับ นางสาวพัว อยู่ครองชีวิตสร้างฐานะครอบครัวจนกระทั่งมีบุตรธิดาด้วยกัน ๙ คน ท่านประกอบอาชีพทำนา ทำสวน และเผาถ่าน ต่อมาได้เป็นแพทย์ประจำตำบลดอนสัก

              ต่อมาได้รับการอุปสมบทเป็นครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นการบวชแก้บน ที่วัดดอนยาง หมู่ที่ ๗ ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีพระอธิการเริ่ม ฐานิโย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูประจักษ์วรคุณ เจ้าอาวาสวัดประสพ ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระอธิการวัด วัดนทีวัฒนาราม ตำบลชลคราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า จิตปุญฺโญ

              ท่านบวชเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๐ โดยท่านเล่าให้ศิษยานุศิษย์ฟังว่า ในระหว่างที่บวชอยู่นั้น ท่านคิดจะลาสิกขาถึง ๒ ครั้ง แต่ในที่สุดท่านได้พิจารณาเห็นว่าเมื่อได้หลีกออกจากเครื่องพันธนาการในเพศคฤหัสถ์แล้ว ไม่สมควรที่จะวิ่งกลับเข้าไปหาเครื่องพันธนาการคือกิเลสตัณหาอีก จึงได้ตัดสินใจอยู่ครองสมณเพศ บำเพ็ญประโยชน์ทั้งส่วนตน ส่วนพระพุทธศาสนา ส่วนสังคมและท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์ตลอด มานับว่าเป็นการเจริญตามรอยบาทพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าในฐานะที่ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

เหรียญหลวงพ่อจ้อย พ.ศ. ๒๕๑๕ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี
(ที่มาของภาพ http://www.web-pra.com/Shop/jamadevi52/Show/103219 ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้)
หลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ปี 2526 จ.สุราษฎร์ธานี
ที่มาของภาพ.-http://www.web-pra.com/Auction/Show/400323 ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้

 


ผลงานการพัฒนาท้องถิ่นของท่าน
              ท่านเจ้าคุณ "พระกิตติมงคลพิพัฒน์" ท่านได้ดำเนินการพัฒนาท้องถิ่นมีเป็นจำนวนมาก จนสามารถกล่าวได้อย่างสนิทใจ และภาคภูมิใจว่า ดอนสักทั้งดอนสัก เจริญรุ่งเรืองเป็นดอนสักได้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่หลวงพ่อจ้อยได้สร้างแทบทั้งสิ้น เพื่อให้เห็นประจักษ์แจ้ง จึงขอจำแนกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้

              ๑. ถนน ได้ดำเนินการตัดถนนสายต่าง ๆ ในอำเภอดอนสักหลายสาย โดยท่านเป็นผู้อำนวยการในการตัดถนน และประสานงานกับเจ้าของที่ดิน โดยไม่ต้องมีการเวนคืน เช่น ถนนสายดอนสัก - ขนอม ถนนสายดอนสัก - บ้านใน ถนนสายสวนมะพร้าว - ท้องอ่าว ฯลฯ

              ๒. การไฟฟ้า ท่านเป็นผู้ริเริ่มนำเครื่องปั่นไฟมาใช้ในบ้านดอนสัก และได้ประสานงานกับหน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ จนในที่สุดมีไฟฟ้าใช้ทั่วทั้งสุขาภิบาลอำเภอดอนสัก

              ๓. การประปา ท่านได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยเจาะบาดาล กระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้ดำเนินการเรื่องน้ำหนักให้กับชาวดอนสัก จนทำให้ชาวดอนสักมีน้ำประปาใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้

              ๔. สิ่งก่อสร้างภายในวัด ได้แก่ สร้างกุฏิ จำนวน ๙ หลัง สร้างศาลาการเปรียญ จำนวน ๑ หลัง สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม จำนวน ๑ หลัง สร้างหอฉัน จำนวน ๒ หลัง สร้างอุโบสถ จำนวน ๑ หลัง สร้างเมรุ จำนวน ๑ หลัง สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ สร้างอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต

พระเจดีย์วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ สูงสง่างดงาม
ตั้งอยู่บนยอดเขา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้มาจากวัดพระเกียรติ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
หลวงพ่อจ้อย เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคใต ้เป็นผู้บุกเบิกสร้างขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๒๕
(ข้อมูลเกี่ยวกับภาพได้จาก ..http://krabentongnam2511.wordpress.com ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้)



การได้รับเลื่อนสมณศักดิ์

              หลวงพ่อจ้อย ท่านได้สร้างคุณูปการทั้งแก่พระพุทธศาสนา ประเทศชาติ สังคม และประชาชนมากมาย จนชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านได้รับการเลื่องลือกล่าวสรรเสริญไปทั่วทุกสารทิศ จนถึงกับได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติ บูชาคุณงามความดีของท่านตามลำดับ ดังนี้
              ๒๘ มีนาคม ๒๕๐๐ เป็นพระใบฎีกาจ้อย
              ๑ มกราคม ๒๕๐๔ เป็นพระครูใบฎีกาจ้อย
              ๕ ธันวาคม ๒๕๑๔ เป็นพระครูสุวรรณประดิษฐการ เจ้าคณะตำบลชั้นตรี ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
              ๕ ธันวาคม ๒๕๒๗ เป็นพระครูสุวรรณประดิษฐการ เจ้าคณะตำบลเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
              ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระกิตติมงคลพิพัฒน์" พระเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตามที่ปรากฏและท่านเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปขณะนั้นว่า ท่านเป็นพระเถระ ระดับเจ้าคณะอำเภอ เพียงรูปเดียวเท่านั้น ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นถึงชั้นพระราชาคณะ

ได้เป็นกรรมวาจาจารย์ให้แก่เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี รูปปัจจุบัน.-

              หลวงพ่อจ้อย ท่านเป็นพระมหาเถระที่มีบุญบารมียิ่งใหญ่ มีศิษยานุศิษย์มากมายจนสุดที่จะคณานับได้หมด เป็นทั้งอุปัชฌาย์ ให้การบรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรมากมาย และที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ในวันที่ ๑๑ เดือน กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ เวลา ๑๕.๓๕ น. ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี พระกิตติมงคลพิพัฒน์ (จ้อย ฐิตปุญโญ) ได้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ในการประกอบพิธีให้บรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรชื่อ ชูชาติ พัฒนเจริญ อายุ ๒๒ ปี ซึ่งเมื่อบวชแล้ว ได้รับฉายาว่า กนฺตวณฺโณ (สมณศักดิ์ปัจจุบันคือ พระเทพพิพัฒนากรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเจ้าอาวาสวัดท่าไทร) โดยมีพระอุปัชฌาย์ชื่อ พระครูดิตถารามคณาศัย (ชม คุณาราโม) วัดท่าไทร ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, และมีพระกรรมวาจาจารย์ชื่อ พระครูประจักษ์วรคุณ วัดประสพ ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

รูปเหมือนหลวงพ่อจ้อย วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ เนื้อเงิน จ สุราษฎร์ธานี
(ที่มาของภาพ.- http://www.g-pra.com/auctionc/view.php?aid=2319405 ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้)

 



พ่อหลวงจ้อยกับราชวงศ์
              ในช่วงระยะเวลา ๔๖ ปีที่พระกิตติมงคลพิพัฒน์จำพรรษาอยู่ ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ บารมีของท่านเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ได้เสด็จมาประกอบพิธีต่าง ๆ ดังนี้
              ๑. วันที่ ๒๑ - ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๓ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เสด็จมาเยี่ยมราษฎร ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ เป็นครั้งแรก
              ๒. วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถ
              ๓. วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๒ พระองค์ เสด็จมาทรงเปิดประปา และทรงพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน
              ๔. วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๖ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์ และยกฉัตรทองคำพระเจดีย์จตุรมุขบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
              ๕. วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๘ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มาประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและยกช่อฟ้า นอกจากนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ มาทรงเยี่ยมพระกิตติมงคลพิพัฒน์
              ๖. วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนิน อย่างเป็นทางการมาเป็นองค์ประธานในการบรรจุศพและเททองหล่อรูปเหมือนพระกิตติมงคลพิพัฒน์ (พ่อหลวงจ้อย)

              ท่านเจ้าคุณ " พระกิตติมงคลพิพัฒน์" ได้มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ ซึ่งเป็นธรรมชาติของสังขาร เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๖ อายุ ๘๙ ปี พรรษา ๔๖ ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทุกระดับชั้น ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้จัดบำพ็ญบุญกุศลถวายท่านอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญูกตเวที ความสำนึกมั่นในอุปการคุณและคุณูปการที่ท่านมอบไว้ให้เป็นมรดกแก่อนุชนรุ่นหลังอย่างมากมายเหลือที่จะพรรณนาให้หมดได้

              ต่อมา คณะศิษยานุศิษย์ทั่วทุกสาระทิศ ได้ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมทุนกันจัดสร้าง "มณฑปหลวงพ่อจ้อย" ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อให้ทุกท่านได้สักการะบูชาที่ "วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์" ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในอันที่จะสรรค์สร้างคุณงามความดี เจริญรอยตามจริยาอันดีงามของท่าน ซึ่งปัจจุบันมีศิษญานุศิษย์ ข้าราชการ พ่อค้า และประชนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสาระทิศมาสักการะบูชาอยู่ทุกวัน จนแทบจะกล่าวได้ว่า "กลิ่นธูป แสงเทียน ไม่เคยขาดหายไปจากมณฑปหลวงพ่อจ้อย" อย่างแท้จริง

              ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านเจ้าคุณพระกิตติมงคลพิพัฒน์ (จ้อย ฐิตปุญฺญ มหาเภระ) จะได้มรณภาพไปแล้วตามธรรมชาติของสังขาร แต่คุณงามความดี บารมีธรรม ผลงานที่ท่านได้สร้างไว้ให้เป็นมรดกของชาวดอนสัก ชาวสุราษฎร์ธานี ของชาวพุทธทั่วทั้งโลกทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่ยังคงจารึกมั่นอยู่ในความทรงจำ ในจิตใจ ของประชาชนชาวสุราษฎร์ธานี และของชาวพุทธทั้งโลกอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

 


หลวงพ่อจ้อย อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ซึ่งบรรจุอยู่ในโลงแก้ว ในมณฑป
มีประชาชนพุทธบริษัทผู้มีจิตศรัทธามาสักการะอยู่มิขาดสาย
(ภาพได้จาก ..http://krabentongnam2511.wordpress.com ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้)

************************