วิถีบุญ-วิถีธรรม : กำเนิดและความสำคัญของ...วันพระ

เมื่อพูดถึงวันพระ ย่อมหมายถึงวันสำคัญที่สุดใน ทางศาสนาทุกศาสนา ซึ่งต้องมีวันสำคัญประจำศาสนาของตน ไม่ว่าจะเป็น ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม และอื่นๆ อีกมากมายหลายศาสนา ล้วนแล้วแต่ม ีวันที่ถูกกำหนดขึ้นให้เป็นวันที่ ศาสนิกชน ทุกคนจะต้องปฏิบัติศาสนกิจ เป็นการสักการบูชาพระ ซึ่งเป็นที่เคารพและถือปฏิบัติเป็นประจำ เพื่อย้ำให้เกิดศรัทธาต่อองค์พระ ที่ตนเคารพนับถือตลอดมา

วันพระในพระพุทธศาสนา เดิมเรียกว่า วันธรรมสวนะ หรือ วันอุโบสถ หมายถึง วันที่ถูกกำหนดให้เข้าอยู่ประจำเพื่อรักษาศีลปฏิบัติธรรม หรือเรียกว่า อุโบสถศีล คือ ศีลที่ต้องสมาทานรักษาในวันอุโบสถ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการจำศีล ซึ่งถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่พุทธศาสนิกชน จะได้ถือโอกาสเข้าวัดฝึกหัดกายวาจา ฟังธรรม ตลอดจนฝึกหัดขัดเกลากิเลสในใจให้บรรเทาเบาบางลง และถือโอกาสทำบุญบำเพ็ญกุศลไปด้วย ในวันขึ้นหรือแรม ๘ ค่ำ และวันขึ้น หรือแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ ของทุกเดือน

ในมหาชนกชาดก ได้กล่าวถึงเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า คือ เมื่อครั้งที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนกโพธิสัตว์ เดินทางไปค้าขายทางทะเล เกิดพายุ คลื่นในทะเลจัด พัดพาเรือสินค้าอับปางลงกลางมหาสมุทร บรรดาลูกเรือจมลงสู่ก้นทะเลเสียชีวิตทั้งสิ้น หลังจากพายุและคลื่นในทะเลสงบแล้ว พระองค์ต้องว่ายน้ำและลอยคอไปตามแรงซัดของคลื่นทะเลตลอดระยะเวลาอันยาวนานถึง ๗ วัน พอถึงวันอุโบสถพระองค์ก็ทรงบ้วนปากด้วยน้ำทะเลนั่นเอง แล้วอธิษฐานสมาทานศีล ๘ (ศีลอุโบสถ) รักษาอย่างเคร่งครัดตลอดหนึ่งคืนหนึ่งวัน

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานปรากฏใน พระวินัยปิฎก อุโบสถขันธกะ เล่มที่ ๔ หน้าที่ ๒๐๖ ข้อ ๑๓๒ เป็นหลักฐานยืนยันว่า พระพุทธเจ้าได้เคยทรงอนุญาตให้ภิกษุประชุมกันในวัน ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ มีเรื่องเล่า ดังนี้

ระหว่างพระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ เป็นขณะเดียวกันกับพวกปริพาชกอัญเดียรถีย์ (นักบวชต่างศาสนา) มีการรวมตัวกันประชุมกล่าวแสดงหลักคำสอนตามความเชื่อในลัทธิของตน ทำให้ประชาชนต่างพากันแตกตื่นความแปลกใหม่ ให้ความสนใจแนวทางการสอนดังกล่าว และเข้ามามอบตัวเป็นศิษย์มากมาย ส่งผลให้พระเจ้าพิมพิสาร เจ้าครองนครมคธ ครั้นทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น จึงทรงดำริว่า :

"ระยะนี้ พวกปริพาชกอัญเดียรถีย์ ต่างก็พร้อมใจกันชุมนุม กล่าวแสดงหลักคำสอนของตน แก่ประชาชนในวัน ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำแห่งปักษ์ ทำให้ประชาชนที่ไปร่วมรับฟังต่างก็เกิดศรัทธา ไปเข้าพวกเดียรถีย์เป็นอันมาก ถ้าพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้า มีการประชุมอย่างนั้นบ้าง ก็คงจักบังเกิดผลดีแก่พระพุทธศาสนาแน่นอน"

จึงเสด็จเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและกราบทูลเรื่องนั้นให้พระพุทธองค์ทรงทราบ พระพุทธเจ้าจึงตรัสเรียกภิกษุให้มาประชุมพร้อมกันแล้วมีรับสั่งว่า

?ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เธอทั้งหลายประชุมพร้อมกันใน (ทุก) วัน ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำ แห่งปักษ์?

เมื่อพระสงฆ์มาประชุมพร้อมกัน แล้วแต่ไม่ได้กล่าวไม่ได้แสดงธรรมแต่อย่างใด ต่างพากันนั่งนิ่ง ชาวบ้านก็ตำหนิและเที่ยวประจานให้เกิดความเสียหายว่า พระสงฆ์ประชุมกันแล้วนั่งนิ่งเหมือนสุกรใบ้ถูกขุนไร้คุณค่า เพราะไม่กล่าวธรรมไม่สอนธรรม เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบ จึงรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า

"ภิกษุทั้งหลาย (แต่นี้ไป) เราอนุญาตให้เธอ ทั้งหลายประชุมกัน กล่าวธรรม แสดงธรรม ใน (ทุก) วัน ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ และวัน ๘ ค่ำ แห่งปักษ์"

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภิกษุทั้งหลายจึงได้ถือปฏิบัติตามพระพุทธานุญาตตลอดมา และวันที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตนี้เรียกว่า วันอุโบสถ พร้อมทั้งทรงอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์สวดปาติโมกข์ และแสดงธรรมเทศนาเพื่อให้ประชาชนผู้สนใจใคร่เรียนรู้ เข้าร่วมรับฟังอย่างพร้อมเพรียง

อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้เป็นเรื่องน่าเสียดาย สำหรับวัฒนธรรมของชาวพุทธ ที่เกี่ยวข้องกับวันพระได้เปลี่ยนแปลงจากอดีตมาก พระราชวิจิตรปฏิภาณ (พระพิพิธธรรมสุนทร)

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม บอกว่า เหตุปัจจัยที่คนไม่เข้าวัดทำบุญ ในช่วงวันพระนั้นเกิดจากผู้นำไม่ทำเป็นแบบอย่างให้ผู้ตาม กล่าวคือ

ประการแรกเกิดจากผู้นำประเทศไม่ได้ทำตัวเป็นผู้นำทางด้านศีลธรรมที่ดี เมื่อผู้นำไม่รู้จักศีลธรรมจึงไม่รู้จักวันพระ บางคนถึงกับไม่มีวัดสำหรับไปทำบุญ ในที่สุดก็ไม่ให้สำคัญกับวันพระและก็ไม่นำคนเข้าวัดปฏิบัติธรรม

เมื่อเป็นเช่นนี้ระเบียบของสังคมก็ถูกเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะเห็นการเข้าวัดของผู้นำประเทศ เป็นเหตุผลทางการเมือง บางคนเข้าวัดเพื่อเป็นข่าวปรากฏตามสื่อเท่านั้น

ประการที่สองต้องโทษเจ้าอาวาสหรือสมภารวัด ละเลยประเพณีของตนเอง อย่าไปอ้างหรือโทษสังคมว่าวันพระคนไม่เข้าวัดพระจึงต้องออกบิณฑบาต โดยในปัจจุบันนี้วัดใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ เช่น วัดโพธิ์ วัดชนะสงคราม วัดสุทัศนฯ วัดประยุรฯ ก็ยังคงจัดกิจกรรมทางศาสนาเพื่อให้คนเข้าวัด ที่สำคัญ คือ เจ้าอาวาสจะไม่มีการรับกิจนิมนต์ในวันพระ

ส่วนข้ออ้างสำหรับผู้ไม่เข้าวัด โดยอ้างว่าไม่ตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นั้น เป็นข้ออ้างของคนบาป เป็นข้ออ้างของคนไม่อยากเข้าวัด วันหยุดเสาร์-อาทิตย์เป็นวันหยุดของสากล แต่วันพระเป็นวันวัฒนธรรมของชาวพุทธ ซึ่งผู้ใหญ่ต้องทำให้เป็นตัวอย่างกับเด็กให้มี ความเคร่งครัดเรื่องศีลธรรม โดยให้เริ่มในวันสำคัญทางศาสนาก่อน เช่น วิสาขบูชา มาฆบูชา และ อาสาฬหบูชา จากนั้นก็เพิ่มการรักษาศีลในวันพระขึ้น(แรม) ๘ ค่ำ และ ๑๔ ค่ำ

พระราชวิจิตรปฏิภาณ (พระพิพิธธรรมสุนทร) บอกด้วยว่า ในอดีตนั้นชาวพุทธจะเคร่งในเรื่องไม่ฆ่าสัตว์ในช่วงวันโกนกับวันพระ ร่วมทั้งไม่ฆ่าสัตว์ที่ตั้งท้องเป็นอาหารอย่างเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นบาปมาก แต่ปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นว่า วันโกนไม่ละวันพระไม่เว้น ถือว่าเป็นของอร่อย การห้ามฆ่าสัตว์ในวันพระ โดยเฉพาะการฆ่าสัตว์ที่มีไข่ เช่น ปลาไข่ ปูไข่ เป็นบาปมหันต์ ถือว่าเป็นภูมิปัญญาในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนโบราณ

เรื่องและภาพ ธรรมจักร สิงห์ทอง
คณาจารย์สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์

???????? Komchadluek.com
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2547