เทวตานุสติ - เทวปุตตมาร
เทวตานุสติ
ระลึกถึงเทวดา คือระลึกถึงคุณธรรมที่ทำบุคคลให้เป็นเทวดาตามที่มีอยู่ในตน
(ข้อ ๖ ในอนุสติ ๑๐)
เทวตาพลี ทำบุญอุทิศให้เทวดา
(ข้อ ๕ แห่งพลี ๕ ในโภคอาทิยะ ๕)
เทวทหะ ชื่อนครหลวงของแคว้นโกลิยะที่กษัตริย์โกลิยวงศ์ปกครอง
พระสิริมหามายาพุทธมารดา เป็นชาวเทวทหะ
เทวทหนิคม คือกรุงเทวทหะ
นครหลวงของแคว้นโกลิยะนั่นเอง แต่ในพระสูตรบางแห่งเรียก นิคม
เทวทัตต์ ราชบุตรของพระเจ้าสุปปพุทธะ
เป็นเชฏฐภาดา (พี่ชาย) ของพระนางพิมพาผู้เป็นพระชายาของสิทธัตถ
กุมาร เจ้าชายเทวทัตต์ออกบวชพร้อมกับพระอนุรุทธ์ พระอานนท์และ กัลบกอุบาลี
เป็นต้น บำเพ็ญฌานจนได้โลกีย
อภิญญา ต่อมามีความมักใหญ่ ได้ยุยงพระเจ้าอชาตศัครูและคบคิดกันพยายามประทุษร้ายพระพุทธเจ้า
ก่อเรื่องวุ่นวาย
ในสังฆมณฑลจนถึงทำสังฆเภท และถูกแผ่นดินสูบในที่สุด
เทวทูต ทูตของยมเทพ,
สื่อแจ้งข่าวของมฤตยู, สัญญาณที่เตือนให้ระลึกถึงคติธรรมดาของชีวิต มิให้มีความประมาท
จัดเป็น ๓ ก็มี ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ และคนตาย, จัดเป็น ๕ ก็มี ได้แก่
เด็กแรกเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนถูกลงราชทัณฑ์
และคนตาย (เทวทูต ๓ มาใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต, เทวทูต ๕ มาในเทวทูตสูตร
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์); ส่วน
เทวทูต ๔ ที่เจ้าชายสิทธัตถะพบก่อนบรรพชา คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย สมณะนั้น
๓ อย่างแรกเป็นเทวทูต ส่วน
สมณะเรียกรวมเป็นเทวทูตไปด้วยโดยปริยาย เพราะมาในหมวดเดียวกัน แต่ในบาลี ท่านเรียกว่า
นิมิต ๔ หาเรียกเทว
ทูต ๔ ไม่ อรรถกถาบางแห่งพูดแยกว่า พระสิทธัตถะเห็นเทวทูต ๓ และสมณะ (มีอรรถกถาแห่งหนึ่งอธิบายในเชิง
ว่าอาจเรียกทั้งสี่อย่างเป็นเทวทูตได้ โดยความหมายว่าเป็นของที่เทวดานิรมิตไว้
ระหว่างทางเสด็จของพระสิทธัตถะ)
เทวธรรม ธรรมของเทวดา,
ธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา หมายถึงธรรม ๒ อย่างคือ หิริ ความละอายแก่ใจคือละอายต่อ
ความชั่ว และโอตตัปปะ ความเกรงกลัวบาป คือ เกรงกลัวต่อความชั่ว
เทวบุตร เทวดาผู้ชาย,
ชาวสวรรค์เพศชาย
เทวปุตตมาร มารคือเทพบุตร,
เทวบุตรเป็นมาร เพราะเทวบุตรบางตนที่มุ่งร้าย คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้ไม่ให้สละ
ความสุขออกไปบำเพ็ญคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ ทำให้บุคคลนั้นพินาศจากความดี, คัมภีร์สมัยหลัง
ๆ ออกชื่อว่า พญาวสวัต
ดีมาร (ข้อ ๕ ในมาร ๕)