คำเชิญชวนของ
พระมหาสนอง วิโรจโน ป.ธ. ๙ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดท่าไทร

************

            สถาบันศาสนาทุกสถาบัน มีองค์ประกอบที่เป็นหลักสำคัญ ๓ อย่าง คือ.-
                        ๑. ศาสนธรรม ได้แก่ คำสั่งสอนของพระศาสดาผู้ประกาศศาสนา
                        ๒. ศาสนวัตถุ ได้แก่ สถานที่บำเพ็ญกิจทางศาสนาของผู้นับถือศาสนา รวมทั้งวัตถุ อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับสถานที่นั้น ๆ
                        ๓. ศาสนบุคคล ได้แก่ บุคคลผู้นับถือศาสนา ซึ่งโดยทั่วไปก็มีอยู่ ๒ ประเภท คือ ผู้ที่ถือบวช กับ ผู้ที่ไม่ถือบวช

            องค์ประกอบทั้ง ๓ อย่างดังกล่าวนี้ ต้องอิงอาศัยกันและกัน สถาบันศาสนาจึงดำรงอยู่ได้ ถ้าศาสนาใดขาดองค์ประกอบเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ศาสนนั้นจะล้มละลายไม่สามารถยืนยงสืบต่อไปได้

            ต่อไปนี้ ขอเชิญชวนให้ท่านพิจารณาสถาบันพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาประจำชาติไทยเรา ที่ทางราชการประกาศเตือนใจ เพื่อเรียกร้องความสามัคคีจากประชาชนภายในชาติที่ว่า "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" นั้น ยังมีองค์ประกอบ ๓ อย่างนั้น สมบูรณ์อยู่หรือ ? กล่าวคือ ศาสนธรรม อันได้แก่ พระธรรมกับพระวินัย ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกาศและบัญญัติไว้ ยังถูกต้อง บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ด้วยอรรถะ พยัญชนะ งามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด เป็นสัจจธรรมอยู่หรือ หรือมีสัทธรรมปฏิรูปแซกแซงปะปนเข้ามาในพระธรรมวินัยบ้างแล้วฯ ศาสนวัตถุ ได้แก่ วัดวาอารามซึ่งประกอบไปด้วย โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ฯลฯ และวัตถุอุปกรณ์เครื่องใช้ประจำศาสนสถานนั้น ๆ มีการพัฒนาอย่างเหมาะสม ตามกาลสมัย ได้รับความคุ้มครอง ปลอดภัยจากมิจฉาชีวกชนเหมือนอดีตกาลครั้งปู่ ย่า ตา ยาย ของเราดีอยู่หรือ ? ศาสนบุคคล ผู้ที่ได้นามว่าชาวพุทธ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ยังประพฤติปฏิบัติตาม ศีลธรรม บำเพ็ญศาสนกิจตามหน้าที่ เพื่อทำตนให้เป็นศาสนทายาทที่ดีในการสืบอายุพระพุทธศาสนา อันจะเป็นเหตุนำมาซึ่งสันติสุขแก่สังคม ดีอยู่หรือ ?

            สำหรับข้าพเจ้ามีความคิดเห็นว่า พระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศและบัญญัติไว้นั้น ยังคงบริสุทธิ์ บริบูรณ์ พร้อมทั้งอรรถะและพยัญชนะมาก ที่ว่า "มาก" นี้ก็เพราะมีความปรากฏในคัมภีร์ต่างๆ ที่แสดงให้เห็นว่า เป็นคำสอนหรือลัทธินอกพุทธศาสนา ซึ่งมีอิทธิพลสามารถแทรกซึมเข้ามาตั้งแต่อดีตกาล ก่อนที่พุทธศาสนา จะแพร่เข้ามาถึงสุวรรณภูมิและเป็นศาสนาประจำชาติไทย แต่ถึงกระนั้นก็มิได้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อพุทธศาสนา

            สัจจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงประกาศยังคงเป็นสัจจะที่บัณฑิตหรือผู้สนใจศึกษาสามารถรู้, เข้าใจ และเลือกสรรค์มาประพฤติปฏิบัติได้ ถ้านับเอาคัมภีร์ที่จารึกพระธรรมวินัยพร้อมทั้งอรรถกถา ฏีกาเป็นต้น เข้าในองค์ที่ 1 คือศาสนาธรรมบริบูรณ์ดีอยู่ (ยังมีอรรถกถา ฏีกา เป็นต้นที่จารึกในใบลานด้วยอักษรขอม ซึ่งยังไม่ได้ปริวัตรพิมพ์ด้วยด้วยอักษรไทย แต่ทว่าปัจจุบันนี้มูลนิธิภูมิพโล ภิกขุ กำลังรีบเร่งดำเนินการปริวัตรและแปลพิมพ์ด้วยอักษรไทยออกเผนแพร่ถ้าสำเร็จตามโครงการเมื่อใด เราจะมีคัมภีร์พระพุทธศาสนาอักษรไทยครบถ้วนทีเดียว)

            วัดหรืออาวาสอันประกอบไปด้วยเจติยสถานและเสนาสนะ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ 2 อาจกล่าวได้ว่ามีมาก มีการพัฒนาไปตามกาลสมัย แต่ในปัจจุบันนี้ ประสบภัยจากพวกมิจฉาชีวกชน เจติยสถานถูกขุดค้นหาโบราณวัตถุ พระพุทธรูปและโบราณวัตถุอันมีค่าถูกตัดเศียร, ลักขโมย ถึงกระนั้น เสนาสนะอันเป็นที่อยู่อาศัยยังมีมากพอที่จะเป็นหลักให้สถาบันพุทธศาสนายืนยงต่อไปได้

            ส่วนศาสนานิกนั้น มากด้วยปริมาณแต่น้อยคุณภาพ กล่าวคือ ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา ส่วนมากมิได้สนใจที่จะศึกษาศาสนาธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้มีความรู้ความเข้าใจ จนเกิดความซาบซึ้งในพุทธธรรม แม้ผู้ที่ได้บรรพชาอุปธรรม ก็มีอยู่เป็นส่วนน้อย ที่ตั้งใจศึกษาหาความรู้ในพุทธธรรมให้กว้างขวาง แล้วนำไปเผยแพร่และปฏิบัติ เพื่อเป็นศาสนาทายาทสืบอายุพระพุทธศาสนาให่ยืนนาน ถ้าองค์ประกอบที่ 3 โดยเฉพาะบรรพชิต ยังเป็นไปในลักษณะนี้ เห็นทีว่าสถาบันพระพุทธศาสนาจะอ่อนกำลังลงทุกขณะ ไม่สามารถรุ่งเรืองฉายแสงธรรมไปบำรุงจิตใจ
ของมวลชน เมื่อบรรพชิตและคฤหัสถ์ ผู้นับถือพระพุทธศาสนา ไม่ประพฤติปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัยให้สมกับที่ชื่อว่า "ชาวพุทธ" เสียแล้ว แม้องค์ประกอบนอกนี้จะสมบูรณ์มากมายเพียงใด สถาบันพระพุทธศาสนาก็จักดำรงอยู่ไม่ได้

            ตามที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า พระพุทธศาสนาจะแพร่หลายออกไป หรือจักดำรงคงอยู่คู่ชาติไทย ย่อมขึ้นอยู่กับศาสนิกเป็นประการสำคัญ ความข้อนี้ พระพุทธเจ้าก็ได้ตรัสไว้ว่า ผู้ที่จะทำลายพระพุทธศาสนา (พระธรรมวินัย) นั้น หาใช่ใครอื่นไม่ แต่เป็นพุทธบริษัทนี้เอง (เป็นพุทธบริษัทในนาม แต่มีการกระทำทรยศดังเถระเทวทัต)

            พระครูดิตถารามคณาศัย (ชม คุณาราโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าไทร ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพระเถระที่มั่นคงในสัมมาปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเพียบพร้อมด้วยสีลาจารวัตรและพรหมวิหารธรรม ท่านสูงด้วยรัตตัญญูภาพ จึงสามารถสร้างความเจริญให้แก่สถาบันพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวัดท่าไทร สภาพที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน เกิดขึ้นด้วยสติปัญญาบารมีความสามารถของท่าน ถึงฝ่ายการอบรม, แนะนำ, สั่งสอน เพื่อให้ผู้อยู่ภายใต้การปกครองและประชาชนทั่วไปเป็นชาวพุทธหรือพุทธศาสนิกที่ดีมีคุณภาพ ท่านก็ถือเป็นหน้าที่
สำคัญและปฏิบัติมาตลอดชีวิต การเป็นเจ้าอาวาส เมื่อมีพระภิกษุสามเณรมากขึ้น ต้องใช้จ่ายเงินเพื่ออุปถัมภ์ โดยเฉพาะที่จำเป็นอย่างยิ่งก็คือค่าอาหาร ค่าไฟ มากขึ้น แต่วัดท่าไทรไม่มีผลประโยชน์จากที่ใดเป็นหลักแน่นอน นอกจากศรัทธาบริจาคของประชาชน

            ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ท่านจึงคิดหาทางที่จะให้วัดมีรายได้เป็นจำนวนแน่นอนและให้เป็นหิตานุหิตประโยชน์แก่อนุชนสืบไปนานเท่านาน จึงได้มอบให้คณะบุคคลคณะหนึ่ง (คณะกรรมการสิญจน์อุทิศดิตถารามมูลนิธิ) ดำเนินการขออนุญาตจัดตั้งมูลนิธิ เพื่ออาศัยดอกผลจากเงินทุนมูลนิธิบำรุงวัดท่าไทร ในเมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว

            เมื่อท่านได้อ่านคำนำของท่านพระครูดิตถารามคณาศัยแล้ว จะเห็นได้ว่า ท่านพระครูดิตถารามคณาศัย ต้องใช้เวลาในการทำงาน (ตั้งมูลนิธิ) นี้นานถึง ๓๕ ปี จึงประสบความสำเร็จ และสำเร็จเมื่อก่อนหน้าที่ท่านจะมรณะภาพเพียง ๓ เดือน แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้มีจิตใจหนักแน่น มั่นคงต่องานที่ปรารถนาแท้จริง ข้าพเจ้าในฐานะผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดท่าไทร ขอเชิญชวนท่านที่มีความเคารพนับถือพระครูดิตถารามคณาศัย ตลอดถึงท่านสาธุชนโดยทั่วไป ช่วยกันบริจาคทรัพย์สมทบทุนให้แก่ "สิญจน์อุทิศดิตถารามมูลนิธิ" เงินที่ท่านบริจาคให้นั้นจะคงอยู่ครบเต็มจำนวน ซึ่งอยู่ในความควบคุมของคณะกรรมการ จะนำไปใช้จ่ายทางใดทางหนึ่งไม่ได้ จะนำไปใช้ได้ก็เฉพาะดอกผลที่ได้จากเงินทุนนั้นเท่านั้น และการจะใช้จ่ายก็ต้องเป็นไปตามตราสารของมูลนิธิ จึงเห็นได้ว่าทรัพย์สินที่บริจาคให้มูลนิธินั้นผลิตดอกออกผล เป็นพลังสำคัญส่วนหนึ่งที่ค้ำชูสถาบันพระพุทธศาสนาให้ยืนนานและรุ่งเรืองสืบไป

พระมหาสนอง วิโรจโน ป.ธ. ๙
ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดท่าไทร
๒๐ มกราคม ๒๕๒๓

 

ที่มา : หนังสือตราสารของ "สิญจน์อุทิศดิตถารามมูลนิธิ" หน้า ๒

กลับไปหน้า Web วัดท่าไทร
ไป Web สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
ไป Web ศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์วัดท่าไทร

ไป Web ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้
ไป Web วิทยุชุมชนตำบลท่าทองใหม่
ไป Web ชมรมวีอาร์ร้อยเกาะสุราษฎร์ธานี