ปลอบใจเราเอง
**** แม่น้ำ ลักขิตะ*** |
|
ปลอบใจเราเองเถิด... อย่าทำชีวิตให้ทุกข์ระทมหม่นไหม้ เพราะความคิดของตัวเองเลย ในห้องแห่งความทรงจำของเรา ได้เก็บเอาเรื่องราวอันเศร้าระทมขมขื่นไว้มากมาย จากวันคืนของ |
|
กาลเวลาที่ล่วงผ่าน สร้างตำนานแห่งความสุขสันต์ และกรีดแผลใจไว้ก็มิใช่น้อยเช่นกัน | |
เราจะรู้สึกได้ว่า ประสบการณ์ของความสุขมิติดตรึงดวงใจเรายาวนานสักเท่าใดนัก เพียงกาลเวลา | |
ผ่านพ้นไปไม่นานก็ลืมเลือน
เสมือนหมอกบางในยามเช้า โรยตัวปกคลุมแผ่นฟ้าเพียงชั่วคราวแล้วพลันจางหาย ทว่าประสบการณ์อันแสนทุกข์ระทมขมขื่น ซึ่งเป็นบาดแผลแห่งชีวิต กลับเป็นเหมือนสิ่งสลักที่ตอกตรึงอยู่ใน ความทรงจำ แม้กาลเวลาจะสามารถเยียวยารักษาได้ แต่รอยแผลเป็นแห่งความเจ็บปวดยังคงปรากฎอยู่ในห้วง แห่งดวงใจเราเสมอมา |
|
ยามที่ต้องเผชิญเหตุการณ์อันเป็นจุดสะเทือนอารมณ์ ความคิดเราจะประหวัดกลับไปในอดีตอีกครั้ง | |
กลับเข้าไปสู่ห้องแห่งความทรงจำที่มีความเศร้าโศกตรมและขื่นขม
อดีตที่เจ็บปวดไม่ให้อะไรแก่เรา นอกจาก ความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง สูญเสียพลังที่จะก้าวไปข้างหน้า ไปสู่การพัฒนาศักยภาพของตนเอง เราจะไม่เห็น สิ่งใดนอกจากดวงใจซึ่งสลดหดู่ และเส้นทางไปสู่ความสำเร็จในชีวิตก็ยาวไกลสุดสายตาจะแลเห็น ความรู้สึก เหนื่อยล้ากลุ้มรุมแทบไม่อยากย่างก้าว ไฟแห่งชีวิตริบหรี่ดุจแสงเทียนไขซึ่งใกล้จะหมดเล่ม |
|
หากเราจะหยุดครุ่นคิดถึงอดีตที่สุดเศร้า ดวงใจเรายามนี้จะไม่หมองหม่น ทว่าจะสดใสมีชีวิตชีวา มีพลัง | |
ที่จะก้าวไปข้างหน้า
ไปสู่ความสำเร็จดังที่วาดหวัง ไปสู่ความหลุดพ้นจากวังวนแห่งชีวิตที่แสนเศร้า
ได้ค้นพบสิ่ง ใหม่ ๆ บนโลกใบนี้ ได้สัมผัสคืนวันที่ดีกว่า และทรงคุณค่ากว่าวันวานอันเก่าก่อน |
|
อย่าขังดวงใจเราไว้ในห้องแห่งความทุกข์ระทม จงปล่อยดวงใจให้เป็นอิสระ ติดปีกแล้วบินไปสู่ความ | |
งดงามของวันพรุ่ง บนท้องฟ้าแห่งความหวังอันไร้ขอบเขต และความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุดของเรา | |
ปัจจุบันเป็นห้วงเวลาอันล้ำค่าที่เราควรให้ความสำคัญ อย่าปล่อยให้ความคิดจมอยู่แค่วันคืน | |
อันเก่า
ๆ ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เก็บไว้เพียงประสบการณ์ที่เป็นดังครู สอนเราให้รู้จักสัจจะแห่งชีวิตว่ามี สุขและทุกข์คละเคล้ากันไปตามกาลเวลา |
|
ในวันนี้และวันต่อ ๆ ไป ดวงใจเราจะสดใสอยู่เสมอ ยิ้มรับชีวิตใหม่ ๆ ให้ผ่านเข้ามา สรรหาสิ่งที่ | |
ดีงามให้แก่ตัวเราเอง
เพราะนรกหรือสวรรค์ให้ตัวเรา เกิดขึ้น ณ ห้วงเวลาปัจจุบันเท่านั้น เราควรให้ความสำคัญ เป็นที่สุด |
|
โลกใบนี้มีสิ่งดงามให้เราครุ่นคิดถึงมากมาย มีความฝันและความหวังอันประเสริฐรออยู่ ใยเรา | |
จึงคำนึงถึงแต่ความเศร้าให้เสียเวลา...
เร่งก้าวไปสู่วันใหม่ที่สดใสมิดีกว่าหรือ ? มีประโยน์อันใดกับการจมอยู่ใน ศาลาคนเศร้า ก้าวออกมาเถิดดวงใจเรา สยายปีกแล้วบินไปสู่ความอิสระเสรี |
|
ปลอบใจเราเองถิด... ว่าเรามิได้ปราชัย แต่กำลังเริ่มต้นสู้ใหม่อีกครั้ง เพราะโลกนี้มีการแข่งขัน เราจึงได้สัมผัสอารมณ์สุขอันซาบซ่านจากการมีชัย และได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดจากการเป็นผู้แพ้ |
|
เพราะโลกนี้มีการแข่งขัน เราจึงได้เห็นธาตุแท้ของจิตวิญญาณของคนที่ต้องการเอาชนะ ว่าช่างชั่วร้ายกักขฬะ ไร้มิตรไมตรีต่อคนอื่น และขาดศีลธรรม เพราะโลกใบนี้มีการแข่งขัน เราจึงได้เข้าถึงสัจจะแห่งชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่ง ว่าทุกข์จากความต้องการเอาชนะมันเร่าร้อนเพียงใด ในการแข่งขันซึ่งกันและกัน การแข่งขันทำประโยชน์ให้แก่สังคม นับว่าเป็นการแข่งขันที่ดี ด้วยการเสียสละอย่างไม่หวังผลตอบแทน ในการแข่งขันซึ่งกันและกัน การแข่งให้ตนเองหลุดพ้นจากโลกีย์ นับว่าเป้นสิ่งที่ดี ด้วยการไม่แสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ มาปกปิดแสงสว่างแห่งปัญญา ในการแข่งขันกันและกัน การแข่งขันเพื่อพัฒนาศักยภาพของเราเอง นับว่าเป็นการแข่งที่ดี ด้วยการเรียนรู้สรรสร้างชีวิต ให้พูนเพิ่ความดียิ่งขึ้น ๆ.... ในยามที่เราแพ้พ่าย ปลอบดวงใจของเราเองเถิด...ว่าเรามิได้ปราชัย หากแต่เป็นการชะงักการเดินทางไว้ชั่วคราว เพื่อทบทวนตัวเองให้ถ้วนรอบ ก่อนก้าวย่างไปสู่.. "จุดหมายปลายทาง" ******************************************************** |
ใจที่เจ็บแท้จริงคือใจหวง | ||
ใจหลอกลวงพาเศร้าเหงาสับสน ในเราอ่อนใจเรากล้ามากเล่ห์กล แล้วใครดลใจเราให้เศร้ากัน |
||
หรือจะะสร้างหัวใจให้ดูแกร่ง | ||
ให้เข้มแข็งอดทนจนสุขสันต์ สร้างความดีควบคู่ทุกคืนวัน ใจเรานั้นสุขได้ด้วยแรงบุญ |
||
****************************************************************** | ||
กลับไปหน้าแรก |