กรรมกิเลส
คือ กรรมเครื่องเศร้าหมอง ๔ อย่าง
๑.ปาณาติบาต ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง
๒.อทินนาทาน
ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยอาการแห่งขโมย
๓.กาเมสุ
มิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม
๔.มุสาวาท
พูดเท็จ
กรรม
๔ อย่างนี้ นักปราชญ์ไม่สรรเสริญเลย ฯ
อบายมุข
คือ เหตุเครื่องฉิบหาย ๔ อย่าง
๑.ความเป็นนักเลงหญิง
(เจ้าชู้)
๒.ความเป็นนักเลงสุรา
(นักดื่ม/คอทองแดง)
๓.ความเป็นนักเลงเลบ่นการพนัน
(นักพนัน)
๔.ความบคนชั่วเป็นมิตร
โทษ ๔ ประการนี้ ไม่ควรประกอบ ฯ
ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์
คือ ประโยชน์ในปัจจุบัน ๔ อย่าง
๑.อุฏฐานสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยความหมั่น ในการประกอบกิจเครื่องเลี้ยงชีวิตก็ดี ในการศึกษาเล่าเรียนก็ดี
ในการทำธุระหน้าที่ของตนก็ดี
๒.อารักขสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยการรักษา คือรักษาทรัพย์ที่แสวงหามาได้ด้วยความหมั่น
ไม่ให้เป็นอันตรายก็ดี รักษาการงานของตนไม่ให้เสื่อมเสียไปก็ดี
๓.กัลยาณมิตตตา
ความมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคั่ว
๔.สมชีวิตา
ความเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หาได้ ไม่ให้ฝืดเคืองนัก
ไม่ให้ฟูมฟาย(ฟุ่มเฟือย)นัก .
สัมปรายิกัตถประโยชน์
คือ ประโยชน์ภายหน้า ๔ อย่าง
๑.สัทธาสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือ เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ เช่นเชื่อว่าทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น
๒.สีลสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยศีล คือรักษากาย วาจา ให้เรียบร้อยดี ไม่มีโทษ
๓.จาคสัมปทา
ถึงพรอมด้วยการบริจาคทาน เป็นการเฉลี่ยสุขให้แก่ผู้อื่น
๔.ปัญญาสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยปัญญา รู้จักบาป บุญ คุณ โทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยน์
เป็นต้น
มิตตปฏิรูป
คือ คนเทียมมิตร ๔ จำพวก
๑.คนปอกลอก
๒.คนดีแต่พูด
๓.คนหัวประจบ
๔.คนชักชวนในทางฉิบหาย
คน
๔ จำพวกนี้ ไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร ไม่ควรคบ ฯ
๑.คนปอกลอก
มีลักษณะ ๔ .-
๑.คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
๒.เสียให้น้อย
คิดเอาให้ได้มาก
๓.เมื่อมีภัยแก่ตัว
จึงรับทำกิจของเพื่อน
๔.คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว
๒.คนดีแต่พูด
มีลักษณะ ๔ .-
๑.เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย
๒.อ้างเอาของที่ยังไม่มีมาปราศรัย
๓.สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้
๔.ออกปากพึ่งมิได้
๓.คนหัวประจบ
มีลักษณะ ๔.-
๑.จะทำชั่วก็คล้อยตาม
๒.จะทำดีก็คล้อยตาม
๓.ต่อหน้าว่าสรรเสริญ
๔.ลับหลังตั้งนินทา
๔.คนชักชวนในทางฉิบหาย
มีลักษณะ ๔.-
๑.ชักชวนดื่มน้ำเมา
๒.ชักชวนเที่ยวกลางคืน
๓.ชักชวนให้มัวเมาในการเล่น
๔.ชักชวนเล่นการพนัน
มิตรแท้
๔ จำพวก
๑.มิตรมีอุปการะ
๒.มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
๓.มิตรแนะประโยชน์
๔.มิตรมีความรักใคร่
มิตร
๔ จำพวกนี้ เป็นมิตรแม้ ควรคบ ฯ
๑.มิตรมีอุปการะ
มีลักษณะ ๔
๑.ป้องกันเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๒.ป้องกันทรัพบ์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๓.เมื่อมีภัย
เป็นที่พึ่งพำนักได้
๔.เมื่อมีธุระช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ออกปาก
๒.มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
มีลักษณะ ๔.-
๑.ขยายความลับของตนแก่เพื่อน
๒.ปิดความลับของเพื่อนมิได้แพร่งพราย
๓.ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๔.แม้ชีวิตก็อาจสละแทนได้
๓.มิตรแนะประโยชน์
มีลักษณะ ๔.-
๑.ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว
๒.แนะนำให้ตั้งอยู่ในความดี
๓.ให้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๔.บอกทางสวรรค์ให้
๔.มิตรมีความรักใคร่
มีลักษณะ ๔.-
๑.ทุกข์ ๆ ด้วย
๒.สุข ๆ ด้วย
๓.โต้เถียงคนที่พูดติเตียนเพื่อน
๔.รับรองคนที่พูดสรรเสริญเพื่อน
สังคหวัตถุ
๔ อย่าง
๑.ทาน ให้ปันสิ่งของของตนแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน
๒.ปิยวาจา
เจรจาวาจาที่อ่อนหวาน
๓.อัตถจริยา
ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
๔.สมานัตตตา
ความเป็นคนมีตนเสมอไม่ถือตัว
คุณทั้ง
๔ อย่างนี้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจของผู้อื่นไว้ได้.
สุขของคฤหัสถ์
๔ อย่าง
๑.สุขเกิดแต่ความมีทรัพย์
๒.สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค
๓.สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้
๔.สุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ปราศจากโทษ
ความปรารถนาของบุคคลในโลกที่ได้สมหมายด้วยยาก
๔ อย่าง
๑.ขอสมบัติจงเกิดมีแก่เราโดยทางที่ชอบ
๒.ขอยศจงเกิดมีแก่เราและญาติพวกพ้อง
๓.ขอเราจงรักษาอายุให้ยืนนาน
๔.เมื่อสิ้นชีพแล้ว
ขอเราจงไปบังเกิดในสวรรค์
ธรรมเป็นเหตุให้สมหมาย
มีอยู่ ๔ อย่าง
๑.สัทธาสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยศรัทธา
๓.จาคสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการบริจาคทาน
๒.สีลสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยศีล
๔.ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อมด้วยปัญญา
ตระกูลอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้
เพราะสถาน ๔
๑.ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว
๒.ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า
๓.ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ
๔.ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน
ผู้หวังจะดำรงตระกูล
ควรเว้นสถาน ๔ ประการนี้เสีย
ธรรมของฆราวาส
๔
๑.สัจจะ สัตย์ซื่อต่อกัน
๒.ทมะ รู้จักข่มจิตของตน
๓.ขันติ
อดทน
๔.จาคะ สละให้ปันสิ่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน
ประโยชน์เกิดแต่การถือโภคทรัพย์
๕ อย่าง
แสวงหาโภคทรัพย์ได้โดยทางที่ชอบแล้ว
๑.เลี้ยงตัว
มารดา บิดา บุตร ภรรยา บ่าวไพร่ ให้เป็นสุข
๒.เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข
๓.บำบัดอันตรายที่เกิดแต่เหตุต่าง
ๆ
๔.ทำพลี
๕ อย่าง คือ
ก.ญาติพลี
สงเคราะห์ญาติ
ข.อติถิพลี ต้อนรับแขก
ค.ปุพพเปตพลี
ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย
ฆ.ราชพลี ถวายเป็นหลวง
มีภาษีอากรเป็นต้น
ง.เทวตาพลี
ทำบุญอุทิศให้เทวดา
๕.บริจาคทานในสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติชอบ
ศีล
๕
๑.ปาณาติปาตา
เวรมณี เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒.อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้
ด้วยอาการแห่งขโมย
๓.กาเมสุ
มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม
๔.มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดเท็จ
๕.สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี เว้นจากดื่มน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
ศีล
๕ ประการนี้ คฤหัสถ์ควรรรักษาเป็นนิตย์
มิจฉาวณิชชา
คือการค้าขายไม่ชอบธรรม ๕ อย่าง
๑.ค้าขายเครื่องประหาร
๒.ค้าขายมนุษย์
๓.ค้าขายสัตว์เป็นสำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหาร
๔.ค้าขายน้ำเมา
๕.ค้าขายยาพิษ
การค้าขาย
๕ อย่างนี้ เป็นข้อห้ามอุบาสกไม่ให้ประกอบ
สมบัติของอุบาสก
๕ ประการ
๑.ประกอบด้วยศรัทธา
๒.มีศีลบริสุทธิ์
๓.ไม่ถือมงคลตื่นข่าว
คือเชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคล
๔.ไม่แสวงหาเขตบุญนอกพุทธศาสนา
๕.บำเพ็ญบุญแต่ในพุทธศาสนา
อุบาสกพึงตั้งอยู่ในสมบัติ
๕ ประการ และเว้นจากวิบัติ ๕ ประการ ซึ่งวิปริตจากสมบัตินี้
ทิศ
๖*
๑.ปุรัตถิมทิศ
คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา
๒.ทักขิณทิศ
คือทิศเบื้องขวา อาจารย์
๓.ปัจฉิมทิศ
คือทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา
๔.อุตตรทิศ
คือทิศเบื้องหน้า มิตร
๕.เหฏฐิมทิศ
คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว
๖.อุปริมทิศ
คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์
๑.ปุรัตถิมทิศ
คือทิศเบื้องหน้า มารดาบิดา, บุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑.ท่านได้เลี้ยงมาแล้ว
เลี้ยงท่านตอบ
๒.ทำกิจของท่าน
๓.ดำรงวงศ์สกุล
๔.ประพฤติตนให้เป็นคนควรรรับทรัพย์มรดก
๕.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว
ทำบุญอุทิศให้ท่าน
มารดาบิดาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว
ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕
๑.ห้ามไม่
ให้ทำความชั่ว
๒.ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓.ให้ศึกษาศิลปวิทยา
๔.หาภรรยาที่สมควรให้
๕.มอบทรัพย์ให้ในสมัย
๒.ทักขิณทิศ
คือทิศเบื้องขวา อาจารย์, ศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑.ด้วยลุกขึ้นยืนรับ
๒.ด้วยเข้าไปยืนคอยรับใช้
๓.ด้วยเชื่อฟัง
๔.ด้วยอุปัฏฐาก(รับใช้)
๕.ด้วยเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ
อาจารย์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว
ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยสถาน ๕
๑.แนะนำดี
๒.ให้เรียนดี
๓.บอกศิลปให้สิ้นเชิง
ไม่ปิดบังอำพราง
๔.ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง
๕.ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย
(คือจะไปทางทิศไหนก็ไม่อดอยาก)
๓.ปัจฉิมทิศ
คือทิศเบื้องหลัง บุตรภรรยา, สามีพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑.ด้วยยกย่องนับถือว่าเป็นภรรยา
๒.ด้วยไม่ดูหมิ่น
๓.ด้วยไม่ประพฤติล่วงใจ
๔.ด้วยมอบความเป็นใหญ่ให้
๕.ด้วยให้เครื่องแต่งตัว
ภรรยาได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว
ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕
๑.จัดการงานดี
๒.สงเคราะห์คนข้างเคียงของผัวดี
๓.ไม่ประพฤติล่วงใจผัว
๔.รักษาทรัพย์ที่ผัวหามาได้ไว้
๕.ขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง
๔.อุตตรทิศ
คือทิศเบื้องหน้า มิตร, กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑.ด้วยให้ปัน
๒.ด้วยเจรจาถ้อยคำไพเราะ
๓.ด้วยประพฤติประโยชน์
๔.ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ
๕.ด้วยไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความเป็นจริง
มิตรได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว
ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕
๑.รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว
๒.รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาแล้ว
๓.เมื่อมีภัยเอาเป็นที่พึ่งพำนักได้
๔.ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ
๕.นับถือตลอดถึงวงศ์ของมิตร
๕.เหฏฐิมทิศ
คือทิศเบื้องต่ำ บ่าว, นายพึงรุงด้วยสถาน ๕
๑.ด้วยจัดการงานให้ทำตามสมควรแก่กำลัง
๒.ด้วยให้อาหารและรางวัล
๓.ด้วยรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บไข้
๔.ด้วยแจกของมีรสแปลกประหลาดให้กิน
๕.ด้วยปล่อยในสมัย
บ่าวได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว
ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕
๑.ลุกขึ้นทำการงานก่อนนาย
๒.เลิกการงานทีหลังนาย
๓.ถือเอาแต่ของที่นายให้
๔.ทำการงานให้ดีขึ้น
๕.นำคุณของนายไปสรรเสริญในที่นั้น
ๆ
๖.อุปริมทิศ
คือทิศเบื้องบน สมณพราหมณ์, กุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕
๑.ด้วยกายกรรม
คือทำอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา
๒.ด้วยวจีกรรม
คือพูดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา
๓.ด้วยมโนกรรม
คือคิดอะไร ๆ ประกอบด้วยเมตตา
๔.ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู
คือมิได้ห้ามเข้าบ้านเรือน
๕.ด้วยให้อามิสทาน
สมณพราหมณ์ได้รับบำรุงฉะนี้แล้ว
ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕
๑.ห้ามไม่ให้กระทำความชั่ว
๒.ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓.อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม
๔.ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๕.บอกทางสวรรค์ให้
อบายมุข
คือเหตุเครื่องฉิบหาย ๖
๑.ดื่มน้ำเมา
๒.เที่ยวกลางคืน
๓.เที่ยวดูการเล่น
๔.เล่นการพนัน
๕.คบคนชั่วเป็นมิตร
๖.เกียจคร้านทำการงาน
๑.ดื่มน้ำเมา
มีโทษ ๖
๑.เสียทรัพย์
๒.ก่อการทะเลาะวิวาท
๓.เกิดโรค
๔.ต้องติเตียน
๕.ไม่รู้จักอาย
๖.ทอนกำลังปัญญา
๒.เที่ยวกลางคืน
มีโทษ ๖
๑.ชื่อว่าไม่รักษาตัว
๒. ชื่อว่าไม่รักษาลูกเมีย
๓.ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
๔.เป็นที่ระแวงของคนทั้งหลาย
๕.มักถูกใส่ความ
๖.ได้ความลำบากมาก
๓.เที่ยวดูการเล่น
มีโทษตามวัตถุที่ไปดู ๖
๑.รำที่ไหนไปที่นั่น
๒.ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
๓.ดีตสีตีเป่าที่ไหนไปที่นั่น
๔.เสภาที่ไหนไปที่นั่น
๕.เพลงที่ไหนไปที่นั่น
๖.เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น
๔.เล่นการพนัน
มีโทษ ๖
๑.เมื่อชนะย่อมก่อเวร
๒.เมื่อแพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป
๓.ทรัพย์ย่อมฉิบหาย
๔.ไม่มีใครเชื่อถือถ้อยคำ
๕.เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อน
๖.ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย
๕.คบคนชั่วเป็นมิตร
มีโทษตามบุคคลที่คบ ๖
๑.นำให้เป็นนักเลงการพนัน
๒. นำให้เป็นเจ้าชู้
๓.นำให้เป็นนักเลงเหล้า
๔.นำให้เป็นคนลวงเขาด้วยของปลอม
๕.นำให้เป็นคนลวงเขาซึ่งหน้า
๖. นำให้เป็นคนหัวไม้
๖.เกียจคร้านทำการงานมีโทษ
๖
๑.มักให้อ้างว่า
หนาวนัก แล้วไม่ทำการงาน
๒.มักให้อ้างว่า
ร้อนนัก แล้วไม่ทำการงาน
๓.มักให้อ้างว่า
เวลาเย็นแล้ว แล้วไม่ทำการงาน
๔.มักให้อ้างว่า
ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำการงาน
๕.มักให้อ้างว่า
หิวนัก แล้วไม่ทำการงาน
๖.มักให้อ้างว่า
ระหาย แล้วไม่ทำการงาน
ผู้หวังความเจริญด้วยโภคทรัพย์
พึงเว้นเหตุเครื่องฉิบหาย ๖ ประการนี้เสีย
"กิเลสคุย"
คุยเสียดี
ที่แท้ แพ้กิเลส
น่าสมเพช
เตือนเท่าไร ก็ไม่เห็น
ว่าเป็นทาส
กิเลส อยู่เช้าเย็น
จะอวดเป็น
ปราชญ์ไป ทำไมนา
ค้นธรรมะ
หาทางออก อุ้มกิเลส
น่าสมเพช
จริงจริง เที่ยววิ่งหา
ตำรานี่
ตำรานั่น สรรหามา
ได้เป็นข้า
กิเลสไป สมใจเอย
พุทธทาส ภิกขุ
สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา
|