ขอเกริ่นนำเพื่อทำความเข้าใจ.-
เนื่องจากท่านเจ้าคุณ พระกิตติมงคลพิพัฒน์
เป็นพระอนุสาวนาจารย์ในการประกอบพิธีให้บรรพชาอุปสมบทแก่ พระเทพพิพัฒนาภรณ์
(ชูชาติ กนฺตวณฺโณ ป.ธ.๕,น.ธ.เอก) เจ้าอาวาสวัดท่าไทร และเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
รูปปัจจุบัน (ในขณะนั้นท่านมีอายุ ๒๒ ปี เมื่อวันที่ ๑๑ เดือน กรกฏาคม
พ.ศ. ๒๕๐๕ เวลา ๑๕.๓๕ น. ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก
จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็น Webmaster จึงขออนุญาตนำสังเขปประวัติของท่านเจ้าคุณ
พระกิตติมงคลพิพัฒน์ มานำเสนอ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ
คุณงามความดี ผลงาน และน้อมบูชาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ
และเพื่อให้ทุกท่านได้มีโอกาสชื่นชมในบารมีธรรมของท่านอีกทางหนึ่งด้วย
ขณะเดียวกัน ก็ขออนุโมทนาแก่
คุณบำรุง พันธุ์อุบล (หลานของหลวงพ่อจ้อย) ตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงาน
คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สำนักกรรมาธิการ ๓ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ Webmaster และทำให้ข้อมูลมีความชัดเจนยิ่งขึ้น
จึงขออนุโมนาเป็นอย่างยิ่งไว้ ณ ที่นี้
ผู้รวบรวมประวัติ ขออภัยเป็นอย่างสูงต่อทุกท่านที่ไม่สามารถนำข้อมูลและภาพประกอบมาเสนอแด่ท่านได้ทั้งหมด
ซึ่งขณะนี้กำลังแสวงหาอยู่ เมื่อเราได้มาอย่างสมบูรณ์เมื่อใดแล้ว จะรีบนำลงในเว็บฯ
เพื่อประกาศเกียรติคุณ และให้ทุกท่านได้รับทราบในโอกาสต่อไป
หากท่านใดที่มีข้อมูล และภาพประกอบเพิ่มเติม
และมีความประสงค์จะร่วมประกาศเกียรติคุณ บารมีธรรมหลวงพ่อจ้อยของพวกเรา
ขอเชิญส่งไปที่ เว็บมาสเตอร์ E-mail : watthasai@gmail.
com,songpak16@yahoo.com, fm107.25mhz@gmail.com จะขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่ง
พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล (ไชยฤทธิ์)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าไทร
เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๖
ความเบื้องต้น.-
ท่านเจ้าคุณ พระกิตติมงคลพิพัฒน์ ท่านมีนามเดิมว่า จ้อย
นามสกุล พันธุ์อุบล ต่อมาท่าน พระครูวอน (ไม่ทราบฉายา)
ผู้เป็นอา ได้เปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น ไกรวงศ์ ท่านเกิดเมื่อวันที่
๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๔๘ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง ณ บ้านหัวรอ
ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นบุตร นายนวล - นางห้อง
พันธุ์อุดม มีอาชีพกสิกรรม ท่านเป็นบุตรคนเดียวของพ่อแม่
ท่านได้รับการศึกษา
ที่ วัดมะขามคลาน ตำบลม่วงงาม อำเภอเมืองสงขลา มีท่านพระครูวอน พุทธสโร
เป็นผู้สอน ท่านมีความสนใจใฝ่รู้เป็นอย่างมาก และท่านได้ศึกษาวิชาความรู้ต่าง
ๆ เช่น วิชาภาษาไทย ภาษาบาลี อักษรขอม เวทมนตร์ คาถาอาคม โหราศาสตร์
และแพทย์แผนโบราณ
ชีวิตในวัยหนุ่มของท่าน
ท่านตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี เนื่องจากพ่อไปมีภรรยาใหม่ และท่านได้หลงผิดไประยะหนึ่ง
จนถึงกับได้กระทำกรรมที่ไม่ดี จนถึงกับทำให้พ่อแม่ญาติมิตรเดือดร้อนไปด้วย
บิดาจึงส่งให้ไปอาศัยกับน้าสาวที่อำเภอดอนสัก ด้วยอำนาจบุญกุสลบารมีที่ท่านเคยสั่งสมไว้จึงทำให้ท่านได้พบกัลยาณมิตรแนะนำ
จนกระทั่งเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้กลับไปอุปสมบทที่จังหวัดสงขลา
จนกระทั่งครบ ๑ พรรษา ท่านจึงลาสิกขากลับมาอยู่ที่ดอนสักตามเดิม และต่อมาท่านได้แต่งงานกับ
นางสาวพัว อยู่ครองชีวิตสร้างฐานะครอบครัวจนกระทั่งมีบุตรธิดาด้วยกัน
๙ คน ท่านประกอบอาชีพทำนา ทำสวน และเผาถ่าน ต่อมาได้เป็นแพทย์ประจำตำบลดอนสัก
ต่อมาได้รับการอุปสมบทเป็นครั้งที่
๒ ซึ่งเป็นการบวชแก้บน ที่วัดดอนยาง หมู่ที่ ๗ ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์
จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีพระอธิการเริ่ม ฐานิโย เป็นพระอุปัชฌาย์,
พระครูประจักษ์วรคุณ เจ้าอาวาสวัดประสพ ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์
เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระอธิการวัด วัดนทีวัฒนาราม ตำบลชลคราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้รับฉายาว่า จิตปุญฺโญ
ท่านบวชเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๐
โดยท่านเล่าให้ศิษยานุศิษย์ฟังว่า ในระหว่างที่บวชอยู่นั้น ท่านคิดจะลาสิกขาถึง
๒ ครั้ง แต่ในที่สุดท่านได้พิจารณาเห็นว่าเมื่อได้หลีกออกจากเครื่องพันธนาการในเพศคฤหัสถ์แล้ว
ไม่สมควรที่จะวิ่งกลับเข้าไปหาเครื่องพันธนาการคือกิเลสตัณหาอีก จึงได้ตัดสินใจอยู่ครองสมณเพศ
บำเพ็ญประโยชน์ทั้งส่วนตน ส่วนพระพุทธศาสนา ส่วนสังคมและท้องถิ่นอย่างสมบูรณ์ตลอด
มานับว่าเป็นการเจริญตามรอยบาทพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าในฐานะที่ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ผลงานการพัฒนาท้องถิ่นของท่าน
ท่านเจ้าคุณ "พระกิตติมงคลพิพัฒน์" ท่านได้ดำเนินการพัฒนาท้องถิ่นมีเป็นจำนวนมาก
จนสามารถกล่าวได้อย่างสนิทใจ และภาคภูมิใจว่า ดอนสักทั้งดอนสัก เจริญรุ่งเรืองเป็นดอนสักได้นั้น
ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่หลวงพ่อจ้อยได้สร้างแทบทั้งสิ้น เพื่อให้เห็นประจักษ์แจ้ง
จึงขอจำแนกเป็นด้านต่าง ๆ ดังนี้
๑. ถนน ได้ดำเนินการตัดถนนสายต่าง
ๆ ในอำเภอดอนสักหลายสาย โดยท่านเป็นผู้อำนวยการในการตัดถนน และประสานงานกับเจ้าของที่ดิน
โดยไม่ต้องมีการเวนคืน เช่น ถนนสายดอนสัก - ขนอม ถนนสายดอนสัก - บ้านใน
ถนนสายสวนมะพร้าว - ท้องอ่าว ฯลฯ
๒. การไฟฟ้า ท่านเป็นผู้ริเริ่มนำเครื่องปั่นไฟมาใช้ในบ้านดอนสัก
และได้ประสานงานกับหน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ จนในที่สุดมีไฟฟ้าใช้ทั่วทั้งสุขาภิบาลอำเภอดอนสัก
๓. การประปา ท่านได้ติดต่อประสานงานกับหน่วยเจาะบาดาล
กระทรวงมหาดไทย ต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้ดำเนินการเรื่องน้ำหนักให้กับชาวดอนสัก
จนทำให้ชาวดอนสักมีน้ำประปาใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้
๔. สิ่งก่อสร้างภายในวัด ได้แก่
สร้างกุฏิ จำนวน ๙ หลัง สร้างศาลาการเปรียญ จำนวน ๑ หลัง สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม
จำนวน ๑ หลัง สร้างหอฉัน จำนวน ๒ หลัง สร้างอุโบสถ จำนวน ๑ หลัง สร้างเมรุ
จำนวน ๑ หลัง สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ สร้างอนุสาวรีย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต
พระเจดีย์วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์
สูงสง่างดงาม
ตั้งอยู่บนยอดเขา บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้มาจากวัดพระเกียรติ
อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
หลวงพ่อจ้อย เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งภาคใต ้เป็นผู้บุกเบิกสร้างขึ้นตั้งแต่
ปี พ.ศ.๒๕๒๕
(ข้อมูลเกี่ยวกับภาพได้จาก ..http://krabentongnam2511.wordpress.com
ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้)
การได้รับเลื่อนสมณศักดิ์
หลวงพ่อจ้อย ท่านได้สร้างคุณูปการทั้งแก่พระพุทธศาสนา ประเทศชาติ สังคม
และประชาชนมากมาย จนชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านได้รับการเลื่องลือกล่าวสรรเสริญไปทั่วทุกสารทิศ
จนถึงกับได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เพื่อเป็นเกียรติ บูชาคุณงามความดีของท่านตามลำดับ
ดังนี้
๒๘ มีนาคม ๒๕๐๐ เป็นพระใบฎีกาจ้อย
๑ มกราคม ๒๕๐๔ เป็นพระครูใบฎีกาจ้อย
๕ ธันวาคม ๒๕๑๔ เป็นพระครูสุวรรณประดิษฐการ เจ้าคณะตำบลชั้นตรี ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
๕ ธันวาคม ๒๕๒๗ เป็นพระครูสุวรรณประดิษฐการ เจ้าคณะตำบลเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ "พระกิตติมงคลพิพัฒน์"
พระเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งตามที่ปรากฏและท่านเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปขณะนั้นว่า
ท่านเป็นพระเถระ ระดับเจ้าคณะอำเภอ เพียงรูปเดียวเท่านั้น ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นถึงชั้นพระราชาคณะ
ได้เป็นกรรมวาจาจารย์ให้แก่เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
รูปปัจจุบัน.-
หลวงพ่อจ้อย ท่านเป็นพระมหาเถระที่มีบุญบารมียิ่งใหญ่
มีศิษยานุศิษย์มากมายจนสุดที่จะคณานับได้หมด เป็นทั้งอุปัชฌาย์ ให้การบรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรมากมาย
และที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ในวันที่ ๑๑ เดือน กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
เวลา ๑๕.๓๕ น. ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พระกิตติมงคลพิพัฒน์ (จ้อย ฐิตปุญโญ) ได้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ในการประกอบพิธีให้บรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรชื่อ
ชูชาติ พัฒนเจริญ อายุ ๒๒ ปี ซึ่งเมื่อบวชแล้ว ได้รับฉายาว่า กนฺตวณฺโณ
(สมณศักดิ์ปัจจุบันคือ พระเทพพิพัฒนากรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
และเจ้าอาวาสวัดท่าไทร) โดยมีพระอุปัชฌาย์ชื่อ พระครูดิตถารามคณาศัย
(ชม คุณาราโม) วัดท่าไทร ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี,
และมีพระกรรมวาจาจารย์ชื่อ พระครูประจักษ์วรคุณ วัดประสพ ตำบลท่าทอง
อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พ่อหลวงจ้อยกับราชวงศ์
ในช่วงระยะเวลา ๔๖ ปีที่พระกิตติมงคลพิพัฒน์จำพรรษาอยู่ ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์
บารมีของท่านเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
ได้เสด็จมาประกอบพิธีต่าง ๆ ดังนี้
๑. วันที่ ๒๑ - ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๓ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต
เสด็จมาเยี่ยมราษฎร ณ วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ เป็นครั้งแรก
๒. วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถ
๓. วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้ง
๒ พระองค์ เสด็จมาทรงเปิดประปา และทรงพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้าน
๔. วันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๖ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จมาทรงวางศิลาฤกษ์ และยกฉัตรทองคำพระเจดีย์จตุรมุขบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
๕. วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๘ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้นายธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มาประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและยกช่อฟ้า
นอกจากนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์
มาทรงเยี่ยมพระกิตติมงคลพิพัฒน์
๖. วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ได้เสด็จพระราชดำเนิน อย่างเป็นทางการมาเป็นองค์ประธานในการบรรจุศพและเททองหล่อรูปเหมือนพระกิตติมงคลพิพัฒน์
(พ่อหลวงจ้อย)
ท่านเจ้าคุณ " พระกิตติมงคลพิพัฒน์"
ได้มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ ซึ่งเป็นธรรมชาติของสังขาร เมื่อวันที่
๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๖ อายุ ๘๙ ปี พรรษา ๔๖ ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทุกระดับชั้น
ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้จัดบำพ็ญบุญกุศลถวายท่านอย่างยิ่งใหญ่
เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญูกตเวที ความสำนึกมั่นในอุปการคุณและคุณูปการที่ท่านมอบไว้ให้เป็นมรดกแก่อนุชนรุ่นหลังอย่างมากมายเหลือที่จะพรรณนาให้หมดได้
ต่อมา คณะศิษยานุศิษย์ทั่วทุกสาระทิศ
ได้ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมทุนกันจัดสร้าง "มณฑปหลวงพ่อจ้อย"
ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อให้ทุกท่านได้สักการะบูชาที่ "วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์"
ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในอันที่จะสรรค์สร้างคุณงามความดี
เจริญรอยตามจริยาอันดีงามของท่าน ซึ่งปัจจุบันมีศิษญานุศิษย์ ข้าราชการ
พ่อค้า และประชนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสาระทิศมาสักการะบูชาอยู่ทุกวัน
จนแทบจะกล่าวได้ว่า "กลิ่นธูป แสงเทียน ไม่เคยขาดหายไปจากมณฑปหลวงพ่อจ้อย"
อย่างแท้จริง
ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านเจ้าคุณพระกิตติมงคลพิพัฒน์
(จ้อย ฐิตปุญฺญ มหาเภระ) จะได้มรณภาพไปแล้วตามธรรมชาติของสังขาร แต่คุณงามความดี
บารมีธรรม ผลงานที่ท่านได้สร้างไว้ให้เป็นมรดกของชาวดอนสัก ชาวสุราษฎร์ธานี
ของชาวพุทธทั่วทั้งโลกทั้งหมดนั้น ล้วนแล้วแต่ยังคงจารึกมั่นอยู่ในความทรงจำ
ในจิตใจ ของประชาชนชาวสุราษฎร์ธานี และของชาวพุทธทั้งโลกอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย
หลวงพ่อจ้อย อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์
ซึ่งบรรจุอยู่ในโลงแก้ว ในมณฑป
มีประชาชนพุทธบริษัทผู้มีจิตศรัทธามาสักการะอยู่มิขาดสาย
(ภาพได้จาก ..http://krabentongnam2511.wordpress.com
ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้)
************************
|