เทรนด์บนโลกไซเบอร์ตอนนี้ที่กำลังมาแรงคงหนีไม่พ้น
"การเล่น Hi5" ไม่ว่าสาขาวิชาชีพไหนต่างก็ใช้การสื่อสารทางนี้แทบทั้งนั้น
ไม่เว้นแม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้าที่ใช้ช่องทางนี้เช่นกัน แต่ที่พบเห็นแพร่หลายตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นในเชิงลบเสียมากกว่า
ทว่ายังมีช่องทางที่ให้แสงสว่างอีกทางหนึ่งที่ไม่อาจคาดถึงได้
นั่นคือการสอนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาผ่านช่องทางการสื่อสารนี้
ผู้จัดการไซเบอร์
ขอเสนอข่าวไฮไฟล์(Hi5)พระสงฆ์" ข่าวฝึกปฏิบัติฝีมือนักศึกษาชั้นปีที่
3 ซึ่งได้ลงตีพิมพ์เป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หอข่าว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ที่ได้รับรางวัลชมเชยจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ประจำปี 2550
************************************
ธรรมะยุคใหม่
พระใช้ไฮไฟว์
สอนใจวัยโจ๋
************************************
ตะลึง!
พบพระสงฆ์เล่นไฮไฟว์ หลวงพี่วัดญาณฯ อ้างเจตนาดี ต้องการใช้เป็นสื่อกลางสอนธรรมะ
"อ.เสฐียรพงษ์" ยันไม่เหมาะสมแม้ไม่กระทบศาสนา นักวิชาการชี้ใช้เป็นช่องทางเผยแพร่ศาสนาได้แต่ไม่ควรโชว์รูปพระ
กรมศาสนาฯ เผยไม่ผิดวินัยสงฆ์ ลูกศิษย์หนุนหลวงพี่สอนธรรมผ่านเว็บต่อไป
ไฮไฟว์
(hi5) เว็บออนไลน์ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้เล่นอินเทอร์เน็ตของไทยในเวลานี้โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา
เป็นเว็บที่ผู้เล่นสามารถส่งข้อความสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างสมาชิกด้วยกัน
โดยมีภาพเป็นสิ่งแสดงถึงความเป็นเจ้าของ และในขณะนี้ไม่เพียงกลุ่มวัยรุ่นเท่านั้นที่เล่นไฮไฟว์
ยังมี ดารานักร้อง นักการเมือง อาทิเช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยผู้สื่อข่าวยังพบว่ามีพระสงฆ์ที่ใช้ไฮไฟว์
โดยได้มีการถกเถียงว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นได้อ้างว่าใช้ไฮไฟว์เพื่อเป็นการเผยแพร่ศาสนา
ผู้สื่อข่าว
หอข่าว พบพระสงฆ์เล่นไฮไฟว์ หลังจากที่ได้รับแจ้งจากกลุ่มเพื่อนที่เล่นไฮไฟว์
ในส่วนเว็บของพระสงฆ์นี้ท่านได้เชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาสนใจธรรม
ะและใช้เป็นช่องทางเผยแพร่ศาสนา โดยนำภาพพิธีกรรมที่จัดขึ้นภายในวัดญาณสังวราราม
ภาพบรรยากาศการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม และใช้บทสวดมนต์เป็นเพลงประกอบ
ซึ่งการที่พระสงฆ์เล่นไฮไฟว์นั้น ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์กันจากหลายฝ่ายในเรื่องของความเหมาะสม
เมื่อวันที่
11 มกราคม พ.ศ 2551 พระอาจารย์สหพร พระวิทยากร วัดญาณสังวราราม
วรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรี กล่าวถึงกรณีที่ตนได้ลงทะเบียนเข้าใช้เว็บไซต์ไฮไฟว์
(www.hi5.com)
ว่า ไม่มีเจตนาที่จะเข้าใช้เว็บไซต์แห่งนี้ตั้งแต่แรก เพราะปกติตนใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อตรวจสอบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
(E-Mail) จนกระทั่งได้พบข้อความไฮไฟว์ที่ให้สมัครสมาชิก จึงได้ทำการใส่ข้อมูล
ซึ่งไม่ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการลงทะเบียนเข้าใช้เว็บไฮไฟว์
หลังจากนั้นปรากฏว่า พบรูปของตนอยู่ในเว็บไฮไฟว์ และมีรูปของเด็ก
ๆ อยู่ประมาณ 70 คน หลังจากเห็นชื่อและสถานศึกษาจึงทราบว่าเด็กกลุ่มนี้
คือลูกศิษย์ที่เคยมาเข้าค่ายที่วัดญาณสังวราราม ซึ่งตนได้เป็นพระวิทยากรอบรมเด็กเหล่านั้น
และเข้าใจว่าที่ลูกศิษย์เข้ามาพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ไว้นั้นเป็นเพราะตนได้ให้อีเมล์กับคณะนักเรียนนักศึกษาทุกสถาบันที่มาเข้าค่ายในวัดญาณสังวราราม
พระอาจารย์สหพร
กล่าวเสริมว่า ตนได้พูดคุยกับลูกศิษย์ที่ทำการสนทนาผ่านเว็บไฮไฟว์
ทราบว่า เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเหมือนบล็อก (blog) ส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคนที่สมัครเข้ามา
และมีการเชื่อมต่อกันแบบลูกโซ่โดยที่สมาชิกสามารถที่จะเลือกทำความรู้จักกับสมาชิกคนอื่น
ๆ ที่มีเว็บไฮไฟว์ และการสนทนาระหว่างสมาชิกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายตอบรับคำขอเป็นเพื่อน
ถึงจะสามารถพิมพ์ข้อความสนทนากันได้ ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักกับสมาชิกก่อน
แต่สมาชิกทำการติดต่อขอเป็นเพื่อนกับตน ที่ผ่านมาไม่ได้อยากที่จะสนทนาหรือพูดคุยกับลูกศิษย์เท่าไรนัก
แต่ที่ต้องสนทนา เพราะลูกศิษย์หลายคนเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิต ไม่ได้มีเจตนาที่จะใช้ไฮไฟว์เพื่อสนทนากับลูกศิษย์แต่อย่างใด
ส่วนภาษาที่ใช้สนทนานั้น
พระอาจารย์สหพร กล่าวว่า ตนเป็นห่วงในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพราะหากใช้ภาษาที่ไม่สำรวม
เกรงจะทำให้ผู้ที่พบเห็นอ่านแล้วรู้สึกไม่ดี อาจคิดไปในแง่มุมอื่นที่ไม่เข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของตน
ซึ่งเจตนาของตนเพียงต้องการที่จะตอบคำถาม และให้คำปรึกษากับลูกศิษย์ผ่านเว็บไซต์เท่านั้น
ส่วนการวางรูปภาพลงในไฮไฟว์ ตนมีเจตนาที่จะให้ผู้ที่เข้าเยี่ยมชมดูแล้วสบายใจไม่อยากให้คิดไปในทางลบ
รูปภาพที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของไฮไฟว์ของลูกศิษย์แต่ละคน
อาตมาจะต้องพิจารณาก่อนที่จะตอบรับเป็นลูกศิษย์ เพราะที่ผ่านมาลูกศิษย์บางคนใช้รูปภาพที่ไม่เหมาะสม
บางคนนุ่งน้อยห่มน้อย หรือบางคนใช้รูปที่ส่อไปในลักษณะยั่วยุที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ
และทุกครั้งที่พบข้อความหรือภาพที่ไม่เหมาะสมในไฮไฟว์ ก็จะตักเตือนอยู่เสมอ
พระอาจาย์สหพรกล่าว
พระอาจารย์สหพรได้แสดงความคิดเห็นเรื่องความเหมาะสมในกรณีพระเล่นไฮไฟว์ว่า
ภายหลังที่ตนได้ใช้ไฮไฟว์เพื่อเป็นการสนทนา มีลูกศิษย์และบุคคลภายนอกได้ถามว่า
การที่พระเล่นไฮไฟว์ มีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ตนรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
แต่อยากให้ดูถึงเจตนาที่แท้จริงก่อนว่า ไฮไฟว์ เป็นการสนทนาแบบเปิดเผย
และทุกคนที่เข้ามาสามารถมีส่วนรู้เห็นถึงข้อความที่สนทนา ซึ่งตนคิดว่าการสนทนาแบบเปิดเผยดีกว่าการใช้โทรศัพท์
ซึ่งเป็นการผิดวินัยของสงฆ์ และนอกจากนี้ลูกศิษย์ที่ต้องการติดต่อหรือสอบถามข้อมูลต่าง
ๆ ไฮไฟว์เป็นอีกช่องทางที่ทุกคนสามารถติดต่อได้ ซึ่งทางวัดยังมีการเปิดเว็บบอร์ดให้ทุกคนที่ต้องการสอบถามข้อมูลของทางวัด
ได้มีโอกาสพูดคุยและเสนอความคิดเห็นต่าง ๆ ผ่านเว็บบอร์ด โดยมีการตอบคำถามจากพระภิกษุที่เข้ามาตอบ
พระอาจารย์สหพร
กล่าวถึงการใช้อินเทอร์เน็ตของพระภิกษุว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนไปความสะดวกสบายมีให้เลือกเยอะ
พระภิกษุเองก็อาจจะต้องมีการศึกษาในเรื่องของสิ่งเหล่านี้บ้าง
เพราะสมัยนี้คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาวิธีการใช้
อยู่ที่ว่าจะใช้ในด้านใดเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้ให้คุณอย่างเดียว
แต่ยังให้โทษด้วยหากใช้ไปในทางที่ผิด พระภิกษุเองบางครั้งจำเป็นจะต้องพึ่งพาสื่อเหล่านี้
เพื่อค้นหาข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ในเรื่องของการใช้อินเทอร์เน็ตในทางที่ผิดนั้นก็ขึ้นอยู่กับพระภิกษุด้วยว่า
จะมีเจตนาใดในการใช้ เพราะคนเรามีความคิดไม่เหมือนกัน ซึ่งสิ่งต่าง
ๆ เหล่านี้ที่ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือลบ ก็จะส่งผลกระทบต่อศาสนาด้วยเช่นกัน
เรื่องทางศาสนา
เราควรช่วยให้คนมีใจเป็นกลาง ๆ คนที่ได้รับข้อมูลจะได้ไม่มี อคติ
ต่อนักบวชในศาสนาพุทธ เรื่องการเล่นไฮไฟว์ อาจจะผิด หรือ ดูไม่งามก็ตาม
เราก็ต้องชี้ให้เห็นว่า เป็นแค่เรื่องของนักบวชบางส่วน ในศาสนาเราเท่านั้น
เกรงว่าจะเหมารวมถึงนักบวชที่ดี ๆ ในพระพุทธศาสนา แล้วไปตำหนิเข้า
จะเป็นบาปกรรมต่อตัวเขาเอง หรือหากทราบเหตุผลที่ดี ก็อยากให้สื่อช่วยให้ประชาชนมีความเข้าใจถูกต้อง
จะได้ไม่เสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่เลื่อมใสอยู่แล้ว จะได้เลื่อมใสยิ่งขึ้น
พระอาจารย์ สหพร จิรสกฺโก กล่าว
ด้านนายเสฐียรพงษ์
วรรณปก อาจารย์นักวิชาการทางด้านพระพุทธศาสนาและภาษาบาลี ราชบัณฑิตสาขาศาสนศาสตร์
กล่าวถึงกรณีการที่พระภิกษุสงฆ์มีเว็บไฮไฟว์ว่า การกระทำดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อศาสนาแต่อย่างใดซึ่งเป็นเรื่องส่วนบุคคล
แต่การกระทำเช่นนี้พระสงฆ์ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่มีความผิดก็ตาม
สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่ที่สามัญสำนึกของแต่ละคน ที่จะคิดดีทำดี หรือคิดชั่วทำชั่ว
เรื่องความเหมาะสมจะดูที่เนื้อหาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูที่สาระ
ว่าผู้ใช้มีเจตนาใช้เพื่ออะไร พระภิกษุจะต้องมีการจำกัดเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตว่าใช้ประโยชน์ในเรื่องใด
เช่น ใช้เป็นสื่อในการสอนธรรมะหรือเพื่อค้นหาข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ
นายเสฐียรพงษ์
กล่าวต่อว่า เป็นการยากที่จะควบคุมดูแลผู้ที่เข้าไปใช้ให้อยู่ในขอบเขต
และในกรณีที่พระภิกษุใช้ไฮไฟว์ ไม่ควรนำภาพของตนไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นเห็น
เนื่องจากนักบวชต้องมีความสำรวมในเรื่องของ กริยา วาจา และบางเว็บไซต์มีการแสดงภาพที่เป็นการยั่วยุหรือแสดงออกไปในเชิงอนาจาร
ซึ่งไม่เหมาะสมต่อพระสงฆ์ แต่ถ้าเป็นอีเมล์ส่วนตัวสำหรับรับส่งข้อมูลหรือใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการค้นหาข้อมูลทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดูแล้วจะเหมาะสมกว่า
การใช้เว็บในการสนทนาเพื่อตอบคำถามเช่นนี้ บางครั้งอาจมีการใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมของตัวพระภิกษุในการสนทนา
ซึ่งจะนำความเสียหายมาสู่พระภิกษุได้ ควรมีการตรวจสอบการใช้ภาษาให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเว็บสนทนาที่มีข้อมูลเปิดเผย
ควรใช้ภาษาให้อยู่ในสถานภาพที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าไฮไฟว์ไม่ควรมีหรือไม่ควรใช้
แต่เมื่อใช้แล้วต้องรู้จักใช้ให้เป็นและใช้อย่างไรจึงจะไม่เกิดผลเสียตามมาในภายหลัง
วิวัฒนาการของเทคโนโลยีนั้น
มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เทคโนโลยีจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้
ไม่เพียงแต่พระภิกษุสงฆ์เท่านั้นที่จะต้องระมัดระวังในการใช้ แต่รวมถึงบุคคลทั่วไปด้วยเช่นกันที่จะต้องระมัดระวังในการใช้
เพราะคุณและโทษของเทคโนโลยี สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน นักวิชาการด้านพุทธศาสนา
กล่าว
ส่วน
นางนันทิกร ไทยเจริญ นักวิชาการศึกษาฝ่ายวิชาการ คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยสงขลานครินท์ วิทยาเขตภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่มีพระภิกษุมีไฮไฟว์เป็นส่วนตัวว่า
เป็นเรื่องที่ดีสำหรับการที่พระภิกษุเล่นไฮไฟว์ เพราะเปรียบเสมือนเป็นช่องทางในการเผยแพร่ศาสนาอีกช่องทางหนึ่ง
เนื่องจากสื่ออินเทอร์เน็ตสามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็วและมีความทันสมัย
สามารถเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้ดีกว่าสื่ออื่น ๆ เท่าที่ตนทราบส่วนใหญ่กลุ่มผู้เล่นไฮไฟว์
คือกลุ่มวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานที่ไม่มีเวลาไปวัดหรือฟังพระธรรมเทศนา
ก็สามารถสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงธรรมะ และยังเป็นการกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้สนใจในเรื่องของศาสนา
หรือการใช้ไฮไฟว์เพื่อเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง
ๆ ที่ทางวัดจัดขึ้น ซึ่งจะทำให้ข่าวสารสามารถกระจายสู่บุคคลภายนอกได้อย่างรวดเร็ว
นักวิชาการศึกษาฝ่ายวิชาการ
ได้กล่าวเสริมในเรื่องเจตนาการใช้ไฮไฟว์ของพระภิกษุสงฆ์อีกว่า
หากใช้ ไฮไฟว์ในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ ของวัด ไม่ส่งผลกระทบต่อศาสนาแต่อย่างใดและยังเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน
เพราะในปัจจุบันพระอาจารย์บางท่านได้มีการออกจำหน่าย วีซีดี ดีวีดีธรรมะ
ในส่วนของพระภิกษุที่เข้าใช้ไฮไฟว์ ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากมีเจตนาใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลข่าวสารเท่านั้น
ทางด้าน
พ.ต.อ ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่าโดยกฏหมาย และ กฏของพระภิกษุสงฆ์ไม่มีบัญญัติหรือมีข้อห้ามพระภิกษุเข้าใช้ไฮไฟว์
แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าเจตนาดีหรือเจตนาร้ายพระภิกษุก็ไม่สมควรเข้าใช้ไฮไฟว์
เนื่องจากบุคคลภายนอกไม่ได้มีส่วนรู้เห็นว่าพระภิกษุมีเจตนาอย่างไร
ซึ่งอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดและเสื่อมศรัทธาในตัวของพระภิกษุรูปนั้น
โดยสิ่งเหล่านี้บุคคลทั่วไปไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่าเนื้อหาในการสนทนาเป็นอย่างไร
ขึ้นอยู่ที่พระภิกษุว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มีการเข้าใจผิด และจะไม่ส่งผลกระทบต่อศาสนา
ส่วนเรื่องรูปภาพของพระภิกษุที่มีการเผยแพร่ให้ผู้อื่นเห็น
พ.ต.อ. ญาณพล แสดงความคิดเห็นว่า พระภิกษุควรมีความสำรวม โดยไม่นำรูปของพระสงฆ์มาเผยแพร่ในไฮไฟว์
เพื่อดึงดูดความสนใจต่อกลุ่มผู้เล่น ไฮไฟว์ แต่ในปัจจุบันการเคร่งครัดในเรื่องของวินัยสงฆ์มีน้อยลง
แต่หากจะเรียนรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ไม่เป็นเรื่องเสียหายแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการตอบคำถามในไฮไฟว์ ตนถือเป็นเรื่องปกติ จะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจตนาในการใช้ของพระสงฆ์
พ.ต.อ.
ญาณพล กล่าวเพิ่มเติมเรื่องภัยที่อาจเกิดขึ้นในไฮไฟว์ว่า บุคคลที่เข้ามาเล่นนั้นควรไตร่ตรองให้ละเอียดรอบคอบ
เพราะไฮไฟว์นั้น เมื่อใส่ข้อมูลส่วนตัวลงไป บุคคลที่ประสงค์ร้ายจะนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในทางที่ไม่ดี
ซึ่งเจ้าของไฮไฟว์อาจได้รับความเสียหายตามมา
สำหรับการเผยแพร่ศาสนานั้น
ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ไฮไฟว์เพื่อเป็นสื่อกลาง เพราะทุกวันนี้สื่อต่าง
ๆ ที่ใช้ในการเผยแพร่ศาสนานั้นมีมากมายและมีเจตนาที่ชัดเจนโปร่งใสกว่านี้
ผู้บัญชาการ ญาณพล กล่าว
ผู้สื่อข่าว หอข่าว ได้ขอเข้าสัมภาษณ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั่วไปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ความคิดเห็นโดยขอปิดบังชื่อว่า
ทางกรมศาสนาไม่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลหรือออกกฎข้อห้ามในการใช้อินเทอร์เน็ตของพระภิกษุ
ซึ่งอำนาจหน้าที่ขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาสของวัดว่าเห็นสมควรให้มีกฎกับพระลูกวัดอย่างไร
และการที่มีรูปภาพของพระภิกษุ คงไม่มีผลกระทบต่อศาสนาหากไม่ใช่รูปที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร
ซึ่งพระอาจารย์ดัง ๆ บางท่านก็มีรูปอยู่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนหรือผู้สนใจเข้ามาพูดคุยเช่นกัน
โดยความเหมาะสมของเนื้อหาต้องขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ด้วย เช่น เว็บโฆษณาขายสินค้า
หรือ เว็บที่มีการเผยแพร่ภาพอนาจารไม่ควรมีรูปของพระสงฆ์อยู่ในเว็บไซต์นั้น
ในขณะที่นางสาววริษา
เจริญศักดิ์ธนกุล ชั้นปีที่1 นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
หนึ่งในผู้เล่นไฮไฟว์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเริ่มเล่นไฮไฟว์มานานพอสมควร
พอทราบว่ามีพระสงฆ์เล่นไฮไฟว์ ตนรู้สึกแปลกใจมาก และเท่าที่ตนเข้าไปตรวจสอบดูในไฮไฟว์ของพระสงฆ์รูปนี้นั้น
ไม่พบสิ่งที่ทำให้เสื่อมเสียศาสนา ในนั้นจะมีรูปพระสงฆ์ และบุคคลสำคัญของไทย
รวมไปถึงรูปการเข้าค่ายธรรมะของเด็กนักเรียนจากหลาย ๆ โรงเรียนที่เดินทางไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่วัดญาณสังวราราม
วรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรี ข้อความของท่านจะเป็นข้อความธรรมะและคติสอนใจ
คนที่มาสนทนากับท่านส่วนมากจะเป็นเด็กนักเรียนที่เคยไปเข้าค่ายที่วัดของท่านและเด็ก
ๆ ที่ท่านเคยไปสอนธรรมะที่โรงเรียน ข้อความที่เด็ก ๆ เข้ามาคอมเม้นท์
ก็เป็นการทักทายปรึกษาปัญหาต่าง ๆ และบางคนได้แง่คิดจากท่านแล้วก็นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ซึ่งส่วนมากจะมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี
******
บทความจาก : ผู้จัดการออนไลน์
วันที่ : 6 มีนาคม 2551
http://www.bcoms.net/article/detail.asp?id=579
กลับไปหน้า
Web วัดท่าไทร
ไป Web สำนักงานเจ้าคณะภาค
๑๖
ไป
Web ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้
ไป
Web วิทยุชุมชนตำบลท่าทองใหม่
ไป Web ชมรมวีอาร์ร้อยเกาะสุราษฎร์ธานี
|