วิธีคิดให้หายทุกข์ใจยามอกหัก
(วิธีการดำเนินชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนา)


             "อกหักดีกว่ารักไม่เป็น" สุภาษิตยอดฮิตสำหรับคนที่พบกับความผิดหวังในความรัก แต่ถ้าอกหักบ่อย ๆ มัน ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะมันช่างเจ็บช้ำระกำทรวง ยิ่งคนหนุ่มสาวยุคไอที พบกันง่าย ชอบกันง่าย เบื่อกันง่าย จะทำอย่างไรกันดี บางคนอกหักวันละสามเวลาหลังอาหาร เพราะเที่ยวรักคนนั้นคนนี้ไปทั่ว บางคนอกหักอย่างเบา ๆ เพราะรักเขาข้างเดียว แต่บางคนอกหักอย่างช้ำชอก เพราะถูกคนรักทอดทิ้งไม่ใยดี บางคนรักกันมานานแต่ ภายหลังจำต้องเลิกรา เพราะไปด้วยกันไม่ได้ อันนี้ก็เจ็บตัวทั้งคู่ สรุปแล้วอกหักไม่ดีเลยนะครับ

             ดังนั้นบทความในวันนี้จึงขอเสนอเทคนิคทำใจ ยามประสบกับความผิดหวังในความรัก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนหนุ่มสาวในยุคไอที ที่พบรักกันง่าย ๆ บนออนไลน์ ด้วยความความเร็วเท่าแสง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิธีคิดทั้ง ๔ วิธีนี้ คงจะได้ช่วยรักษาใจ ให้ท่านมีกำลังใจเรียนรู้ชีวิตกันต่อไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตตามปรารถนาของทุก ๆ คน ต่อไปนี้ขอเชิญติดตามได้เลยครับผม

             ๑. เข้าใจธรรมชาติของความรัก ความรักแบบหนุ่มสาว เป็นความรักที่มีรสหอมหวาน ใคร ๆ ก็ใคร่ปรารถนา แต่ธรรมชาติของความรักแบบนี้ มันมาพร้อมกับพิษสงด้วย คือหากไม่สมปรารถนาเมื่อใด มันก็จะแสดงความเจ็บปวดออกมาทันที เจ็บมาก เจ็บน้อย แล้วแต่ว่าเรายึดมั่นทุ่มเทในความรักแค่ไหน ยึดน้อยก็เจ็บน้อย ยึดมากก็เจ็บมาก ดังนั้นในยามใดอกหัก ให้เราก็บอกกับตัวเองว่า นี่เป็นธรรมชาติของชีวิตมันแสดงอาการ ตามธรรมชาติของมันเอง ถ้าเราไม่ไปคิดฟุ้งซ่านกับมัน เดี๋ยวมันก็จะค่อย ๆ ทุเลาเบาบางไปเอง

             ๒. มีความเมตตากรุณาต่อตัวเอง เมื่อใดต้องพบกับความเจ็บปวดจากความผิดหวังในความรัก ให้คิดเมตตากรุณาต่อตัวเอง ไม่คิดลงโทษตัวเอง หรือ คิดทำร้ายจิตใจของตัวเองซ้ำเป็นดาบสองลงไปอีก แต่ให้มองไปที่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในจิตใจด้วยความกรุณา เหมือนกับว่าเรากำลังรู้สึกเมตตาสงสารใครสักคน ปลอบใจของตัวเองเหมือนกับเรากำลังปลอบเพื่อนด้วยความรักความเข้าใจ ยกตัวอย่าง "ทำใจสบาย..ๆ นะ...มันเจ็บไม่นานหรอก คราวหน้าเราจะระวังให้มากกว่านี้ ขอโทษทีนะเพื่อนนะ ที่ทำให้นายเจ็บ ฯลฯ" คือ มองความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นด้วยความเห็นใจว่านี่เป็นผลพวงที่เกิด จากความรักแบบหนุ่มสาว (ดูข้อ ๑) ยอมรับและเข้าใจความเป็นจริงเช่นนี้ ด้วยรอยยิ้มแห่งความเมตตากรุณา เราจะเกิดความสุขใจมาแทนที่ และ อาการเจ็บปวดจากความผิดหวังก็จะทุเลาเบาบางไปอย่าง รวดเร็ว

             ๓. มองโลกในแง่ดี ให้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่โชคดีที่สุดในโลก ดีแล้วที่อกหัก เพราะคนที่เรารักคนนี้อาจจะไม่ใช่เนื้อคู่ของเราก็ได้ หรือ ให้คิดดีใจว่า อกหักคราวนี้ดีจัง เพราะเราได้ความรู้ใหม่ๆ ที่เราสามารถนำมาปรับปรุงชีวิตของเราให้พัฒนาขึ้นไปได้อีกเยอะเลยทีเดียว เอ..อย่างนี้คงต้องขอบคุณคนที่หักอกเราเสียแล้วสิ.. ไม่งั้นเราคงจะเซ่อไปอีกนาน หรือ คิดว่า เออ.!โชคเรายังดีนะ ที่ผิดหวังเสียก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าหากถลำลึกลงไปมากกว่านี้เราก็คงจะเจ็บสาหัสกว่านี้เป็นแน่ การคิดในแง่ดีเช่นนี้ สารพัดที่จะคิดไปได้หลายรูปแบบ ใครที่คิดอย่างนี้ได้ ถือว่าเป็นคนฉลาดคิดครับ เพราะสามารถเอาปัญหามาสร้างเป็นปัญญา เอาความทุกข์มาแปรให้กลายเป็นความสุขที่เป็นกุศล มองโลกในแง่ดีมาก ๆ เช่นนี้ ทำให้มีสุขภาพจิตตลอดชีวิตครับผม

             ๔. ฝันเพิ่งจะตื่น สำหรับคู่รักที่รักกันมานาน หวานชื่นกันมาโดยตลอด แต่ต่อมาภายหลังมีอันต้องพลัดพรากจากกัน เพราะไปด้วยกันไม่ได้ หรือ ขัดแย้งไม่เข้าใจกัน หรือ อีกฝ่ายไม่ซื่อสัตย์ทำให้มีอันต้องแยกทางกัน หรือ ถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ปัญหาเหล่านี้ล้วนสร้างความทุกข์อย่างแสนสาหัสให้แก่จิตใจจนยากที่จะรับไว้ได้ ดังนั้นจึงมีบางคนถึงกับคิดสั้น ทำลายชีวิตของตนเองไปเลยก็มี

             ในกรณีนี้ หากใช้ ๓ วิธีข้างต้นดังที่แนะนำไปแล้ว ยังเอาไม่อยู่ คือยังมีความร่ำไรรำพันอาลัยอาวรณ์อยู่เช่นเดิม ขอแนะนำให้ใช้วิธีคิดแบบ "ตัดใจ" อย่างเด็ดขาดไปเลย นั่นคือ ทุกครั้งที่มีความคิดหวนอาลัยเกิดขึ้นเมื่อใด ให้บอกกับตัวเองทันทีว่า วันชื่นคืนสุขเก่า ๆ นั้นมันเป็นเพียงแค่เราฝันไป ตอนนี้เราตื่นขึ้นมาวันใหม่แล้ว ไม่ต้องไปหวนอาลัยมันอีกต่อไป "ความฝันคือมายา ปัจจุบันคือความจริง" ให้มีความร่าเริงในชีวิตใหม่ สำหรับความรับผิดชอบต่าง ๆ ที่ตามมา บอกกับตัวเองไปได้เลยว่า "เราทำได้สบายมาก" การอยู่ตัวคนเดียวถ้าหากชีวิตมันดีงาม มันมีความสุขมากขึ้น เราก็น่าจะดีใจ บางทีไม่แน่ ในอนาคตเราอาจจะพบกับคนดีที่ไปด้วยกันกับเราได้ ก็อาจจะเป็นได้ เป็นต้น

             ขอสรุปย้ำอีกครั้งว่า ทุกครั้งที่คิดอาลัยวันวานยังหวานชื่น ให้เราต้องบอกกับตัวเองทันทีว่า "นั่นมันฝันเมื่อคืนนี้ ตอนนี้เราตื่นแล้ว เบิกบานแล้ว ใจสว่างแล้ว" ทำจิตใจให้ร่าเริง ได้เช่นนี้ เราก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชาวพุทธรุ่นใหม่อย่างแท้จริง


**************************

กลับไปหน้า Web วัดท่าไทร
ไป Web สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
ไป Web ศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์วัดท่าไทร