ตราสาร
ของ
สิญจน์อุทิศดิตถารามมูลนิธิ

************

ชื่อ


            ข้อ ๑. มูลนิธินี้ให้ชื่อว่า "สิญจน์อุทิศดิตถารามมูลนิธิ"

 

วัตถุประสงค์

            ข้อ ๒. วัตถุประสงค์ของมูลนิธิมีดังต่อไปนี้
                        ๒.๑ เพื่อบำรุงกิจการพระพุทธศาสนาและพระภิกษุสามเณรวัดท่าไทร
                        ๒.๒ เพื่อการกุศลสาธารณประโยชน์
                        ๒.๓ เพื่อร่วมมือกับองค์การการกุศลอื่น ๆ เพื่อสาธารณประโยชน์และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

สำนักงาน

            ข้อ ๓. สำนักงานของมูลนิธินี้ ตั้งอยู่ที่วัดท่าไทร เลขที่ ๓๒๔ หมู่ที่ ๒ ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ทุนทรัพย์และทรัพย์สิน

            ข้อ ๔. ทรัพย์สินของมูลนิธิ มีทุนเริ่มแรก คือ
                        ๔.๑ เงินสดจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)
            ข้อ ๕. มูลนิธินี้อาจได้มาซึ่งทรัพย์สินดังต่อไปนี้
                        ๕.๑ เงินได้จากผู้มีจิตศรัทธาบริจาค
                        ๕.๒ ทรัพย์สินที่มีผู้ยกให้โดยพินัยกรรมหรือนิติกรรมอื่น ๆ โดยมิได้มีเงื่อนไขผูกพันให้มูลนิธิต้องรับผิดชอบในหนี้สินแต่ประการใด
                        ๕.๓ ดอกผลซึ่งเกิดจากทรัพย์สินอันเป็นทุนของมูลนิธิ
                        ๕.๔ เกิดจากรายได้อื่น ๆ ของวัด ซึ่งส่งสมทบทุนเป็นมูลนิธิ

การจัดการของผู้จัดการมูลนิธิ

            ข้อ ๖. ทรัพย์สินและกิจการต่าง ๆ ของมูลนิธิ อยู่ในความบังคับบัญชาของคณะกรรมการเพื่อการนี้ คณะกรรมการ มีอำนาจตราระเบียบหรือข้อบังคับใด ๆ โดยไม่ขัดแย้งกับตราสารนี้
            ข้อ ๗. คณะกรรมการของมูลนิธินี้มีอย่างมากไม่เกิน ๗ คน อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๕ คน ตามที่ได้จดทะเบียน เป็นครั้งแรกต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยให้เจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดท่าไทร เป็นกรรมการที่ปรึกษาและควบคุมการดำเนินงานของคณะกรรมการมูลนิธิ ให้คณะกรรมการเลือกกันเองเป็นประธานคนหนึ่ง รองประธานคนหนึ่ง เหรัญญิกคนหนึ่ง และเลขานุการคนหนึ่ง

            ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลง กรรมการที่เหลืออยู่นั้น เป็นผู้พิจารณาเลือกบุคคลเข้าเป็นกรมการซ่อมแทนให้ครบจำนวน ถ้าตำแหน่งประธานว่างลง ให้คณะกรรมการที่เหลือเลือกคนใดคนหนึ่งขึ้นเป็นประธาน ในกรณีที่คณะกรรมการว่างลง ให้ประธานพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ ๑๓ เป็นกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ และผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งซ่อมให้อยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าวาระของผู้ที่ตนแทน

            ในวาระเริ่มแรกนี้ คณะกรรมการดำเนินการ ได้แก่บุคคลตามรายชื่อกรรมการมูลนิธิ "สิญจน์อุทิศดิตถารามมูลนิธิ" ท้ายตราสารนี้ เพื่อให้กิจการของมูลนิธิได้ดำเนินการไปโดยติดต่อกันหนึ่งในสองของจำนวนกรรมการมูลนิธิ ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการครั้งแรกต้องออกจากตำแหน่งโดยการจับสลากในเมื่อกรรมการมูลนิธิชุดแรกได้ทำหน้าที่ครบ ๒ ปี แต่กรรมการที่ออกไปอาจได้รับเลือกตั้งอีกก็ได้

            ข้อ ๘.ประธาน เป็นผู้จัดการมูลนิธิ
            ถ้าประธานไม่อยู่หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ให้รองประธานทำหน้าที่แทนจนกว่าประธานจะมาปฏิบัติหน้าที่ได้
            ข้อ ๙.ในการทำนิติกรรมใด ๆ ของมูลนิธิ หรือการลงลายมือชื่อในเอกสาร ตราสารและสรรพเอกสารอันเป็นหลักฐาน ของมูลนิธิและเกี่ยวกับอรรถคดี จะต้องให้ประธานกรรมการ เลขานุการ และเหรัญญิก เป็นผู้ลงลายมือร่วมกัน
            ข้อ ๑๐.ให้มีการประชุมคณะกรรมการเป็นการประชุมสามัญประจำปีทุกปี ภายในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อพิจารณากิจการดังต่อไปนี้
                        ๑๐.๑พิจารณาเกี่ยวกับกิจการของปีที่แล้วมา
                        ๑๐.๒เลือกตั้งผู้สอบบัญชีของมูลนิธิ
                        ๑๐.๓ปรึกษากิจการอื่น ๆ ของมูลนิธิ
                        ๑๐.๔ประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณากิจการของมูลนิธิเป็นกรณีพิเศษ ในเมื่อคณะกรรมการไม่ต่ำกว่า ๔ นาย ร้องขอให้มีการประชุม
            ข้อ ๑๑. การประชุมวิสามัญอาจมีในเมื่อประธานหรือผู้ทำการแทนเรียกประชุม ตามที่เห็นสมควร หรือเมื่อมีกรรมการตั้งแต่ ๔ คนขึ้นไป แสดงความประสงค์ไปยังประธาน หรือผู้ทำการแทนขอให้มีการประชุม ก็ให้ประธานหรือผู้ทำการแทนเรียกประชุมได้
            ข้อ ๑๒.ในการประชุมกรรมการทุกครั้ง ต้องมีกรรมการไปประชุมไม่น้อยกว่า ๔ คน จึงเป็นองค์ประชุม ตามปกติให้เอาเสียงข้างมากเป็นเอกฉันท์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานเป็นผู้ชี้ขาดเว้นแต่มติตาม ข้อ ๒๒. และข้อ ๒๓.
            ข้อ ๑๓.กรรมการแต่ละคนต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
                        ๑๓.๑ มีอายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์
                        ๑๓.๒ ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือไร้ความสามารถ
                        ๑๓.๓ มีความรู้ภาษาไทยอ่านออกเขียนได้
                        ๑๓.๔ เป็นผู้มีคุณธรรมหรือศีลธรรมอันดี เป็นที่เชื่อถือของคนทั้งหลาย
            ข้อ ๑๔.กรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
                        ๑๔.๑ อยู่ในตำแหน่งครบสี่ปี
                        ๑๔.๒ ตายหรือลาออก
                        ๑๔.๓ ขาดคุณสมบัติตามข้อ ๑๓
                        ๑๔.๔ ต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด
                        ๑๔.๕ เป็นผู้ประพฤติตนไม่เหมาะสมจนคณะกรรมการมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง
            ข้อ ๑๕. เงินสดของมูลนิธิให้นำฝากธนาคารใดธนาคารหนึ่ง ในเขตอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี หรืออำเภอกาญจนดิษฐ์ การสั่งจ่ายหรือฝากเงินจะต้องมีลายเซ็นของประธานกรรมการ เหรัญญิก และเลขานุการลงชื่อด้วยทุกครั้ง ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บรักษาเงินได้ไม่เกินวงเงิน ๒,๐๐๐.๐๐ บาท (สองพันบาทถ้วน)
            ข้อ ๑๖. การรับเงินที่มีผู้บริจาคสมทบหรือได้มาด้วยวิธีอื่นใด ๆ เหรัญญิกจะต้องออกใบเสร็จรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน ใบเสร็จรับเงินจะต้องมีลายเซ็นประธานเหรัญญิกและเลขานุการลงชื่อด้วยทุกครั้ง
            ข้อ ๑๗. มูลนิธิจะต้องมีผู้เก็บรักษาบัญชีรายรับ-รายจ่าย บัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตลอดจนบัญชีอื่น ๆ ที่จำเป็น อันเกี่ยวกับมูลนิธิเพื่อแสดงฐานะของมูลนิธิโดยถูกต้อง และรัดกุม ทั้งต้องรักษาเอกสารใบสำคัญต่าง ๆ อันเกี่ยวกับบัญชีไว้ให้ถูกต้อง ให้มีผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจบัญชีและทำเป็นหลักฐานของมูลนิธิด้วย
            ข้อ ๑๘. ผู้สอบบัญชีของมูลนิธิ ต้องไม่เป็นกรรมการหรือลูกจ้างของมูลนิธิ
            ข้อ ๑๙.ผู้สอบบัญชีมีอำนาจตรวจเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบัญชีของมูลนิธิ และการตรวจบัญชีให้มีอำนาจสอบถามกรรมการและกรรมการใด ๆ ของมูลนิธิได้
            ข้อ ๒๐.ให้ทำบัญชีงบดุลย์ประจำปีซึ่งสิ้นสุดตามปีปฏิทิน เพื่อแสดงฐานะการเงินของมูลนิธิเมื่อสอบบัญชีรับรองแล้ว ให้เสนอขออนุมัติต่อที่ประชุม
            ข้อ ๒๑.ในการจ่ายเงินของมูลนิธิประจำปี จะทำเป็นงบประมาณประจำปีไว้ก็ได้

การแก้ไขตราสารการเลิกมูลนิธิ

            ข้อ ๒๒.ตราสารนี้จะแก้ไขเพิ่มเติมได้ก็แต่โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการ
            ข้อ ๒๓.ถ้ามูลนิธิต้องเลิกล้มไปโดยมติของคณะกรรมการ หรือโดยสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ให้ทรัพย์สินทั้งหมดของมูลนิธิที่เหลืออยู่ ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดท่าไทร ตำบลท่าทองใหม่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
            ข้อ ๒๔.การสิ้นสุดของมูลนิธินั้น นอกจากที่มีกฎหมายได้บัญญัติไว้แล้ว ให้มูลนิธิเป็นอันสิ้นสุดลงโดยมิต้องให้ศาลสั่งเลิกด้วยเหตุดังต่อไปนี้
                        ๒๔.๑เมื่อมูลนิธิได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลแล้ว ไม่ได้รับทรัพย์สินตามคำมั่นเต็มจำนวน
                        ๒๔.๒เมื่อกรรมการมูลนิธิ ๒ ใน ๓ มีมติให้เลิกมูลนิธิ
                        ๒๔.๓เมื่อมูลนิธิไม่อาจหากรรมการได้ครบตามจำนวนกรรมการที่ได้กำหนดไว้ในตราสาร
                        ๒๔.๔เมื่อมูลนิธิไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ไม่ว่าด้วยเหตุใด

เบ็ดเตล็ด

            ข้อ ๒๕.การตีความในตราสารของมูลนิธิ หากเป็นที่สงสัย ให้ประธานเป็นผู้ชี้ขาด
            ข้อ ๒๖.ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยลักษณะมูลนิธิมาใช้บังคับ ในเมื่อตราสารของมูลนิธินี้มิได้มีกำหนดไว้
            ข้อ ๒๗.มูลนิธิจะไม่กระทำการค้ากำไร และจะไม่ดำเนินการนอกเหนือไปจากตราสารที่กำหนดไว้

***************************************

(ลงชื่อ) รัตนา เฉลิมพิพัฒน์
(นางสาวรัตนา เฉลิมพิพัฒน์)
ผู้ทำตราสาร


สำเนาถูกต้อง
นางสาวรัตนา เฉลิมพิพัฒน์
(นางสาวรัตนา เฉลิมพิพัฒน์)
ผู้ริเริ่มจัดตั้ง


ที่มา : หนังสือตราสารของ "สิญจน์อุทิศดิตถารามมูลนิธิ"

กลับไปหน้า Web วัดท่าไทร
ไป Web สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
ไป Web ศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์วัดท่าไทร

ไป Web ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้
ไป Web วิทยุชุมชนตำบลท่าทองใหม่
ไป Web ชมรมวีอาร์ร้อยเกาะสุราษฎร์ธานี