พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่
๑ แห่งรัสเซีย สถาปนากรุง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
๒๗ พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๔๔๙ (ค.ศ. ๑๙๐๖) วันเกิดของ ท่านพุทธทาสภิกขุ บุคคลสำคัญของโลก
และนักปราชญ์แห่งศาสนาพุทธยุคใหม่
ชีวิตและผลงาน
พุทธทาส ภิกขุ สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
--------------------------------------------------------------------------------
เป็นบุตรนายเซี้ยง
และนางเคลื่อน พานิช เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๔๔๙
ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย ณ หมู่บ้านกลาง ตำบลพุมเรียง (ที่ตั้งเดิมของจังหวัดไชยา
ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น สุราษฎร์ธานี)
พ.ศ.
๒๔๔๙ เด็กชายเงื่อม หรือพุทธทาสภิกขุในเวลาต่อมา เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่
๒๗ พฤษภาคม ตรงกับวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะเมีย บุตร นายเซี้ยงและนางเคลื่อน
พานิช ที่หมู่บ้านกลาง ตำบลพุมเรียง ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นที่ตั้งของจังหวัดไชยา
พ.ศ.
๒๔๕๗ เมื่ออายุ ๘ ขวบ บิดามารดาพาเด็กชายเงื่อมไปฝากเป็นเด็กวัดที่วัดพุมเรียง
เป็นเวลา ๓ ปี เพื่อรับการศึกษาเบื้องต้นตามแบบโบราณ
พ.ศ.
๒๔๖๐ เด็กชายเงื่อมกลับมาอยู่บ้าน เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดโพธาราม
และเล่าเรียนที่นี่จนถึงชั้นมัธยม
พ.ศ.
๒๔๖๔ ย้ายมาเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๒ ที่โรงเรียนสารภีอุทิศ ตำบลตลาด
เพื่อจะได้อยู่กับบิดา ซึ่งมาเปิดร้านค้าอีกแห่งหนึ่งที่ตำบลนี้
พ.ศ.
๒๔๖๕ บิดาถึงแก่กรรมด้วยโรคลมปัจจุบัน เด็กหนุ่มเงื่อมออกจากโรงเรียนมาช่วยดำเนินการค้ากับมารดา
ระหว่างนี้ นายยี่เกย น้องชาย บวชเป็นสามเณรและเรียนชั้นมัธยมอยู่ที่โรงเรียนประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
พ.ศ.
๒๔๖๙ -ก่อนเข้าพรรษานายเงื่อมบวชเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ได้ฉายา
"อินฺทปญฺโ" จำพรรษาที่วัดพุมเรียง ปลายปีสอบได้นักธรรมชั้นตรี
และไม่ลาสิกขาตามกำหนด
-ปิดเทอมปลายปี
นายยี่เกยกลับบ้านและไม่ไปเรียนต่อ เพื่อเปิดโอกาสให้พระเงื่อมได้บวชเรียนต่อไป
พ.ศ.
๒๔๗๐ -พระเงื่อมสอบได้นักธรรมชั้นโท
พ.ศ.
๒๔๗๑
-ต้นปีพระเงื่อมเข้าเรียนต่อกรุงเทพฯ
ครั้งแรกที่วัดปทุมคงคา อยู่ได้เพียง ๒ เดือน ก็เดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดพุมเรียง
-ปีนั้นสอบได้นักธรรมเอก
พ.ศ.
๒๔๗๒
-เป็นครูสอนนักธรรม
โรงเรียนนักธรรม วัดพระบรมธาตุไชยา
-นายยี่เกย
ธรรมทาส ซึ่งเป็นน้องชาย ได้ตั้งคณะธรรมทานขั้นต้นขึ้น โดยเปิดหีบหนังสือธรรมะให้คนยืมอ่านที่ร้านไชยาพานิช
-เริ่มรับหนังสือวารสารพุทธศาสนาภาษาอังกฤษจากต่างประเทศ
-นายยี่เกยเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ในกรุงเทพฯ
ใช้นามปากกาว่า "ธรรมทาส"
พ.ศ.
๒๔๗๓
-พระเงื่อม
อินฺทปญฺโญ ได้ขึ้นกรุงเทพฯ มาอยู่ที่ วัดปทุมคงคา อีกครั้งหนึ่งเพื่อเรียนบาลีต่อ
-เขียนบทความชิ้นแรกชื่อ
"ประโยชน์แห่งทาน" เพื่อพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระอุปัชฌาย์
มีเนื้อความตอบคำถามของคนสมัยใหม่ที่เริ่มสงสัยคุณค่าของการทำทานแบบที่ทำ
ๆ กันอยู่
-ปลายปีเขียนบทความขนาดยาวเรื่อง
"พระพุทธศาสนาขั้นบุถุชน" อธิบายคุณค่าของพระพุทธศาสนาด้วยภาษาสมัยปัจจุบัน
และเริ่มแสดงความคิดเห็นว่า มรรค ผล นิพพาน เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงในสมัยปัจจุบัน
บทความนี้พิมพ์เป็นหนังสือแจก งานฉลองโรงเรียนนักธรรมวัดพระบรมธาตุไชยา
-ปลายปีนั้นสอบได้เปรียญธรรม
๓ ประโยค เป็น พระมหาเงื่อม อินฺทปญฺโญ
พ.ศ.
๒๔๗๔
-เบื่อเรียนมากขึ้น
ค้นคว้าศึกษานอกตำราเรียนออกไป ความคิดอุดมคติเริ่มตั้งมั่น
-ปลายปีสอบเปรียญธรรมประโยค
๔ ตก เตรียมเดินทางกลับบ้านเพื่อทำงานตามอุดมคติ
พ.ศ.
๒๔๗๕
-เดินทางกลับถึงพุมเรียง
(๖ เม.ย. ๒๔๗๔)
-เข้าอยู่ในวัดร้างตระพังจิก
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสวนโมกข์สวนโมกขพลารามเมื่อ ๑๒ พฤษภาคม
-เดือนกรกฎาคมคณะธรรมทานตั้งขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
-นางเคลื่อนทำพินัยกรรมมอบเงิน
๖,๓๗๘ บาท ตั้งเป็นทุนต้นตระกูลพานิช ช้ดอกผลบำรุงสวนโมกข์และคณะธรรมทาน
-คณะธรรมทานตั้งขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
(ก.ค.) เปิดบ้านหนังหนึ่งเป็น "ห้องธรรมทาน" -มีทำบุญเลี้ยงพระและเทศน์ทุกวันพระและวัน
๘ ค่ำ
-เริ่มเขียน
"ตามรอยพระอรหันต์" ในเดือนสิงหาคม
พ.ศ.
๒๔๗๖
-ออกหนังสือพิมพ์พุทธสาสนา
ราย ๓ เดือน
-เริ่มเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์สภาพพระพุทธศาสนาและพระสงฆ์ใช้นามปากกา
"ธรรมโยช" "ชินวาทก์"ฯ
- และเขียน
"ทำไมไม่ไปกับพระโลกนาถ" ลงหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย ฉบับวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๗๖
พ.ศ.
๒๔๗๗
-คณะธรรมทานซื้อแท่นพิมพ์มาพิมพ์หนังสือเอง
-เขียน"คันถะธุระกับวิปัสสนาธุระเนื่องกันอย่างไร"
-เริ่มแปล
"พุทธประวัติจากพระโอษฐ์"
-แปล
"บาลีมหาสติปัฏฐานสูตร"
-สด กูรมะโรหิต
เขียนเรื่องมาจากปักกิ่ง ทั้งหมดนี้ลงพิมพ์ในพุทธสาสนา
-ก่อนเข้าพรรษาเดินทางไปนครศรีธรรมราช
ปาฐกถาเรื่อง "การส่งเสริมปฏิบัติธรรม" และ "หลักพุทธศาสนา"
ให้แก่คณะของพระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ ซึ่งเปิดสวนปันตาราม ตามแบบสวนโมกขพลาราม
-ในพรรษาเข้ากรรมฐาน
๓ เดือนงดพูด จดบันทึกปฏิบัติธรรมเป็นรายวัน
-เขียนบทความขนาดยาวเรื่อง
"การปฏิบัติธรรม" (๑๗ ก.พ.)
พ.ศ.
๒๔๗๘
-ทางราชการย้ายที่ว่าการอำเภอจากพุมเรียง
ไปอยู่ที่ตำบลตลาด ริมทางรถไฟ
-คณะธรรมทานและโรงพิมพ์ธรรมทานย้ายตามไปอยู่ที่ตำบลตลาดด้วย
-เริ่มแปล
"อริยสัจจากพระโอษฐ์" ลงพุทธสาสนา
-เดินทางไปเทศน์ถิ่นไทยทางใต้สุด
กลับมาเขียนเรื่อง "พระพุทธศาสนาในถิ่นไทยทางใต้"
-เริ่มติดต่อกับสามเณรกรุณา
กุศลาสัย (ต่อมาคืออาจารย์กรุณา กุศลาสัย) บรรพชิตไทยรูปเดียวที่เดินเท้าไปถึงอินเดียพร้อมกับพระโลกนาถ
(พระภิกษุชาวอิตาเลียน)
พ.ศ.
๒๔๗๙
-แปลและแต่งกาพย์สุกรยักษ์
อันเป็นคำวิจารณ์พระสงฆ์อย่างรุนแรง (จากบางตอนของสุมังคลวิลาสินี)
-เขียน
"คุณค่าของปริยัติ" ชี้ให้เห็นความสำคัญของการเชื่อมระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติในพุทธศาสนา
-เขียน
"สังคายนาแต้มหัวตะ" เรียกร้องให้แปลพระไตรปิฎกเป็นไทย และวิจารณ์การทำสังคายนาที่ผ่าน
ๆ มา
-ท่านปัญญานันทะ
พระราชญาณกวี (บุญชวน) และสามเณรสำเริง มาร่วมจำพรรษาอยู่ด้วย
-พิมพ์รวมเล่มพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ครั้งแรก
-คณะธรรมทานเปิดโรงเรียนพุทธนิคม
พ.ศ.
๒๔๘๐
-หัวหน้ากองตำรามหามกุฎราชวิทยาลัย
ประกาศใช้พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ เป็นหนังสือประกอบแบบเรียน
(๑๕ มิ.ย.)
-แปล
"ลังกาวตาลสูตร" จากพระสูตรฝ่ายมหายาน ลงพุทธสาสนา
-สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร) วัดเทพศิรินทร์ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม และผู้บัญชาการคณะสงฆ์แทนองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
เดินทางมาเยี่ยมสวนโมกข์และค้างคืน ๑ คืน (๒๖ มิ.ย.)
-เขียน
"บรรณวิจารณ์อภิธานัปปทีปนีกา" และ "ต้นบัญญัติสิกขาบท" -ไว้อาลัยวาระสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (๑๖ ธ.ค.)
พ.ศ.
๒๔๘๑
-เริ่มอบรมสามเณรชุดพิเศษ
เพื่อสร้างนักเผยแผ่ที่ทันสมัย (งานที่ไม่ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา)
-เรียบเรียง
"เกียรติคุณของพระพุทธเจ้า" หนังสือพุทธประวัติสำหรับคนหนุ่มสาว
ลงวันที่ ๑๑ ม.ค.
-เขียนบทความขนาดยาว
"อนัตตาของพระพุทธเจ้า"
-พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์
(วงศ์ ลัดพลี) อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ พระยาภะรตราชสุพิช
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และนายสัญญา ธรรมศักดิ์ มาเยี่ยมสวนโมกข์เป็นครั้งแรก
พ.ศ.
๒๔๘๒
-นายยี่เกยเปลี่ยนชี่อเป็น
"ธรรมทาส" อย่างเป็นทางการ
-สร้างหอสมุดธรรมทาน
ที่วัดชยาราม เป็นที่พักและที่ทำงานอีกแห่งหนึ่ง
-มีบทความเกี่ยวกับกฤษณมูรติ
ลงพุทธสาสนา
-เขียนบทความขนาดยาว
๕๕ หน้า "ตอบปัญหาบาทหลวง" หักล้างความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าแบบบุคคลอย่างรุนแรง
ลงหนังสือพิมพ์ พุทธสาสนา ราย ๓ เดือน
พ.ศ.
๒๔๘๓
-เกิดสงครามในยุโรป
ทำให้กระดาษแพง หายาก พุทธสาสนา ๒ เล่ม ออกรวมเป็นเล่มเดียว
-เริ่มมีบทความต่อต้านสงครามเรื่อง
"ไฟไหม้โลกยุคกึ่งพุทธกาล" ลงพุทธสาสนา
แสดงปาฐกถาที่กรุงเทพฯ
เป็นครั้งแรก ตามคำอาราธนาของพุทธธรรมสมาคม (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในปี
พ.ศ.๒๔๘๔) ในหัวข้อเรื่อง "วิถีแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม" (๑๓
ก.ค. พูด ๒ ชั่วโมง ๑๕ นาที)
พ.ศ.
๒๔๘๔
-ทางราชการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่
จาก ๑ เมษายน เป็น ๑ มกราคม
-เริ่มแปล
"ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์" ลงพุทธสาสนา
พ.ศ.
๒๔๘๕
-เริ่มสร้างสโมสรธรรมทาน
ที่วัดชยาราม
-หนังสือพิมพ์พุทธสาสนาเริ่มลงเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา
ฝ่ายมหายาน
-แสดงปาฐกถาธรรมที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยเรื่อง
"ความสงบในฐานะเป็นผลแห่งการเข้าถึงพุทธธรรม"
พ.ศ.
๒๔๘๖
-วางเงินซื้อที่บริเวณธารน้ำไหลจากหลวงพรหมปัญญา
เมื่อ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๖
-หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์เป็นผู้เชื่อมให้ได้เฝ้าสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ที่วังวรดิศ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องโบราณคดีเมืองไชยา
-เทศน์งานพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จพระวันรัต
(เฮง เขมจารี) เรื่อง "ลักษณะน่าอัศจรรย์บางประการของนิพพาน"
(๒๒ ส.ค.)
-เขียนความเรียบเรียงเชิงประวัติ
เกี่ยวกับชีวิตและงานในสวนโมกข์ที่ผ่านมาชื่อ "สิบปีในสวนโมกข์"
พ.ศ.
๒๔๘๗
-ย้ายมาจำพรรษาที่สวนโมกขพลารามแห่งใหม่
บริเวณธารน้ำไหล เขาพุทธทอง (สวนโมกข์ปัจจุบัน)
พ.ศ.
๒๔๘๙
-ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายองค์การเผยแผ่ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
(๒๒ ม.ค.)
-ย้ายมาจำพรรษาที่สวนโมกข์แห่งใหม่
บริเวณธารน้ำไหล เขาพุทธทอง (สวนโมกข์ปัจจุบัน)
-คณะพระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์มาเยี่ยมครั้งที่
๒
พ.ศ.
๒๔๘๙
-ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตร
ในราชทินนามที่ พระครูอินทปัญญาจารย์ (๕ ธันวาคม ๒๔๘๙)
-ปาฐกถาธรรมที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย
เรื่อง "พุทธธรรมกับสันติภาพ" (๒ มี.ค.)
-เลิกสวนโมกข์แห่งเดิมที่พุมเรียงโดยสิ้นเชิง
(ก่อนหน้านี้ยังมีพระอยู่ประจำ)
-ปาฐกถาธรรมที่สมาคมพุทธบริษัทไทยจีนประชา
เรื่อง "ข้อควรทราบเกี่ยวกับหลักพุทธศาสนาระหว่างนิกายต่าง ๆ
" (๒๙ ธ.ค.)
พ.ศ.
๒๔๙๐
-ปาฐกถาที่หอประชุมใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรื่อง "พระพุทธศาสนาจะช่วยพวกเราในปัจจุบันนี้ได้อย่างไร" (๓๑
พ.ค. ๒๔๙๐)
-ปาฐกถาที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย
เรื่อง "พุทธธรรมกับเจตนารมณ์แห่งประชาธิปไตย" ฯพณฯ ปรีดี พนมยงค์
ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในขณะนั้นเข้าฟังด้วย (๑๑ พ.ย. ๒๔๙๐)
-เกิดคณะพุทธนิคมที่เชียงใหม่
-เริ่มแปล
"สูตรของเว่ยหล่าง" ลงพุทธสาสนา
พ.ศ.
๒๔๙๑
-โยมมารดาถึงแก่กรรม
(๒๔ เม.ย.๒๔๙๑)
-เดินทางขึ้นเชียงใหม่ครั้งแรก
เพื่อช่วยให้คำแนะนำแก่กิจการของคณะพุทธนิคมเชียงใหม่ (ก่อนเข้าพรรษา)
-ออกตระเวณเทศน์ตามอำเภอเกาะสมุย
อำเภอเกาะพงัน
-ปาฐกถาธรรมที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย
เรื่อง "ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม" (๕ มิ.ย. ๒๔๙๑) และเริ่มถูกโจมตีในข้อหาเกี่ยวกับคอมมิวนิสต์
-ออกพรรษา
ท่านปัญญานันทะขึ้นไปประจำอยู่ที่เชียงใหม่
พ.ศ.
๒๔๙๒
-ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าองค์การเผยแผ่ประจำภาค
๕ (ภาคใต้ ๑๔ จังหวัด)
ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยา
(๓๐ มิ.ย.)
พ.ศ.
๒๔๙๓
-พักสวนชาใกล้หมู่บ้านแก่งปันเต้า
อ.เชียวดาว จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา ๒๐ วัน เพื่อเขียน "โบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน"
(ม.ค.)
-ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
สาขาประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เขียนบทความทดลอง
เสนอเกี่ยวกับจิตวิทยาแบบพุทธ เรื่อง "ปมเขื่อง"
-ตระเวณเทศน์หัวเมืองปักษ์ใต้
กับพระยาอมรฤทธิธำรง (พร้อม ณ ถลาง)
-ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานพิธีสวดกระทำน้ำมุรธาภิเษกสำหรับพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน
ณ วัดพระบรมธาตุไชยา ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ
ในราชทินนามที่ พระอริยนันทมุนี (๔ ธ.ค. ๒๔๙๓)
พ.ศ.
๒๔๙๔
-อบรมข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมและศาล
ที่กรุงเทพฯ เรื่อง "ทุกขขัปนูทนกถา" (๒๐ ก.ย. ๒๔๙๔)
-มีประกาศในหนังสือพิมพ์
พุทธสาสนา ว่า พระยาอนุมานราชธน ส่งหนังสือมาให้ห้องสมุดธรรมทานหลายเล่ม
พ.ศ.
๒๔๙๕
-นายกุหลาบ
สายประดิษฐ์ มาเยี่ยมสวนโมกข์ (ก.พ.)
-คณะพุทธนิคม
เชียงใหม่ ออกหนังสือพิมพ์ชาวพุทธ เมื่อวันวิสาขบูชา
-มีพิธีทอดกฐินครั้งแรกและครั้งเดียวของสวนโมกข์
-เขียน"บันทึกเปิดผนึกครบรอบ๒๐ปี"ลงในพุทธสาสนาซึ่งออกรวมเป็นเพียงฉบับเดียวในปีนั้น
-เริ่มมีการบรรยายประจำคืนในช่วงพรรษา
เพื่ออบรมพระภิกษุสามเณรภายในสวนโมกข์
พ.ศ.
๒๔๙๖
-แสดงธรรมเรื่อง
"ศาสนาคือโรงพยาบาลของโลก" ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ในโอกาสเปิดตึกสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(๒๑ ก.พ.)
-คณะธรรมทานได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็น
"ธรรมทานมูลนิธิ" (๒๔ พ.ย.)
-มีผู้บริจาคแท่นพิมพ์และเครื่องตัดกระดาษให้ใหม่
-มีการฉายสไลด์ในสวนโมกข์
ริเริ่มการเผยแผ่ธรรมโดยการฉายสไลด์
พ.ศ.
๒๔๙๗
-อธิษฐานไม่ออกนอกเขตตลอดพรรษา
-พิมพ์หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปลครั้งแรก
-ร่วมประชุมและกล่าวปราศรัยในนามตัวแทนคณะสงฆ์ไทย
ในงานฉัฏฐสังคายนาที่ประเทศพม่า เรื่อง "ลักษณะน่าอัศจรรย์บางประการของพุทธศาสนาแบบเถรวาท"
(๖ ธ.ค.)
-เขียน
"โลกอาจรอดได้ แม้เพราะกตัญญู" (๘ มี.ค.) เป็นบทความที่เด่นบทหนึ่ง
แสดงให้เห็นถึงโลกทัศน์แบบพุทธที่มีลักษณะนิเวศวิทยาอยู่ในตัว
พ.ศ.
๒๔๙๘
-อบรมข้าราชการตุลาการครั้งแรก
เรื่อง "ใจความสำคัญของพุทธศาสนา" ณ ห้องบรรยายเนติบัณฑิตยสภา
ต่อมาพิมพ์เป็นเล่มชื่อหลักพระพุทธศาสนา และพิมพ์ในชุดธรรมโฆษณ์
ชื่อ "ตุลาการิกธรรม เล่ม ๑" การบรรยายชุดนี้ทำต่อเนื่องมาอีกรวม
๑๔ ครั้ง
พ.ศ.
๒๕๐๐
-แสดงธรรมที่โรงพยาบาลสงฆ์
เรื่อง "ธรรมะคือโอสถสำหรับโลก" (ก.พ.)
-เทศน์ในโอกาส
๒๕ พุทธศตวรรษ เรื่อง "หนทางดับความเลวร้ายในยุคปัจจุบัน" ที่วัดพระบรมธาตุไชยา
-คณะพุทธนิคมเชียงใหม่ตั้งชาวพุทธมูลนิธิ
-ในพรรษาบรรยาย
"การศึกษาธรรมะอย่างถูกวิธี" หรือ "ธรรมวิภาคนวกภูมิ" ต่อมากลายเป็นหนังสือพื้นฐานที่สำคัญอีกเล่มหนึ่งของสวนโมกข์
-ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช
ในราชทินนามที่ พระราชชัยกวี (๕ ธันวาคม ๒๕๐๐)
พ.ศ.
๒๕๐๑
-ตั้งสำนักปฏิบัติธรรม
"สวนอุศม" และ "สวนอุศมมูลนิธิ" ที่กรุงเทพฯ เป็นอีกองค์กรหนึ่งในเครือข่ายของสวนโมกข์
-ทางราชการประกาศให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนา
สอดคล้องกับที่สวนโมกข์ทำมาก่อน
-ไปเขมร
ชม นครวัด นครธม
พ.ศ.
๒๕๐๒
-กรมศิลปากรส่งศิลาจารึกจำลองทุกหลักที่ทำจากไชยามาถวาย
-ท่านปัญญานันทะลงมาจำพรรษาที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์
-เจ้าชื่น
สิโรรส หัวหน้าคณะพุทธนิคมและบุตรลงมาอยู่ที่สวนโมกข์ในระหว่างช่วงเข้าพรรษา
-สถานีวิทยุ
ปชส.๗ ธนบุรี นำ "หลักพระพุทธศาสนา" ที่อบรมข้าราชการตุลาการครั้งแรก
ไปอ่านออกอากาศเป็นประจำทุกวัน เวลา ๐๖.๓๐ น. ในระหว่างช่วงเข้าพรรษา
-พิมพ์อริยสัจจากพระโอษฐ์
ครั้งแรก
-บรรยาย
"อานาปานสติ" (ฉบับสมบูรณ์) ในระหว่างพรรษาในสวนโมกข์
พ.ศ.
๒๕๐๓
-โรงเรียนพุทธนิคมเปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษา
-แสดงธรรมที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เรื่อง "ส่วนสำคัญของพระพุทธศาสนาที่ทุกคนควรรู้จัก" ตามคำอาราธนาของสมเด็จพระราชชนนี
องค์อุปถัมภกของชมรมกลุ่มศึกษาพุทธศาสตร์และประเพณี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มีผู้ฟังประมาณ ๓,๐๐๐ คน (๒๘ ธ.ค. ๒๕๐๓)
พ.ศ.
๒๕๐๔
-ในพรรษาพูดเรื่อง
"ตัวกู-ของกู" อบรมพระสงฆ์สามเณร
-ร่วมสัมมนาเรื่อง
"การศึกษาพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัย" ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
(๒๖ พ.ย. - ๒๒ ธ.ค. ๒๕๐๔)
- และแสดงธรรมอบรมนิสิต
รวม ๗ ครั้ง
พ.ศ.
๒๕๐๕
-เริ่มสร้างโรงมหรสพทางวิญญาณ
(โรงหนังแบบสวนโมกข์) -และมีโรงปั้นเพื่อปั้นภาพพุทธประวัติยุคแรกของโลก
ทั้ง ๒ อย่างนี้ใช้เวลาราว ๑๐ ปี จึงเสร็จ
พ.ศ.
๒๕๐๖
-อภิปรายแบบธรรมสากัจฉา
กับหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ครั้งแรก ในหัวข้อ "การทำงานคือการปฎิบัติธรรม"
มีนายปุ๋ย โรจนบุรานนท์ และ นายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ ร่วมด้วย
ที่หอประชุมคุรุสภา (๖ ธ.ค.)
พ.ศ.
๒๕๐๗
-อภิปรายแบบธรรมสากัจฉา
(ที่กลายเป็นวิวาทะ) กับหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ครั้งที่
๒ และครั้งสุดท้าย ที่หอประชุมคุรุสภา เรื่อง "การทำงานด้วยจิตว่าง"
(๑๓ ก.พ. ๒๕๐๘)
-ปาฐกถาธรรมเรื่อง
"สิ่งที่เรายังเข้าใจผิดกันอยู่" ที่พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย
กรุงเทพฯ (๒๑ ม.ค.)
-ปาฐกถาธรรมเรื่อง
"การส่งเสริมจริยธรรมแก่เด็กวัยรุ่น" ในที่ประชุมสามัญประจำปี
ที่คุรุสภา (๒๗ เม.ย.)
พ.ศ.
๒๕๐๘
-หนังสือแก่นพุทธศาสน์
ที่ท่าน อาจารย์พุทธทาส ได้แสดงปาฐกถา ในโอกาสพิเศษ
ณ.ชุมนุมศึกษาพุทธธรรม (ศิริราช) ในอุปการะของ คณะแพทย์
ศาสตร์และศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ เมื่อวันที่
๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้รับรางวัลชนะเลิศ หนังสือดีประจำปี
๒๕๐๘ จากองค์การ ยูเนสโก้ แห่งสหประชาชาติ
พ.ศ.
๒๕๐๙
-เริ่มมีงานล้ออายุ
ครั้งแรก (๒๗ พ.ค.)
-ปาฐกถาธรรมเรื่อง
"สิ่งที่เรายังสนใจกันน้อยเกินไป" ในที่ประชุมองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก
ณ พุทธสถานเชียงใหม่ (๘ พ.ย.)
-ปาฐกถาธรรมเรื่อง
"ผีหัวเราะเยาะมนุษย์" แก่ผู้ร่วมประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศครั้งที่
๑๐ ยอดเขาพุทธทอง สวนโมกข์ (๑๔ พ.ย.)
พ.ศ.
๒๕๑๐
-เป็นประธานในการอบรมพระธรรมทูตรุ่นแรกที่จะไปเผยแผ่พระศาสนาในต่างประเทศ
-ปาฐกถา
"คริสตธรรม-พุทธธรรม" ณ วิทยาลัยพระคริสตธรรม เชียงใหม่
-ในพรรษา
เริ่มบรรยายชุด "ธรรมปาฏิโมกข์" แก่พระสงฆ์สามเณรภายในสวนโมกข์
(กระทำต่อเนื่องทุกพรรษาถึง พ.ศ. ๒๕๑๔)
พ.ศ.
๒๕๑๑
-เป็นประธานในการประชุมสมาคมพุทธศาสนาทั่วประเทศ
ครั้งที่ ๑๖ ณ ค่ายลูกเสือธรรมบุตร ติดกับสวนโมกข์ (๑
ธ.ค.)
-พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์
"สหายธรรมหมายเลขหนึ่ง" ถึงแก่อนิจกรรม (๑๙ เม.ย.) มอบทุน
๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้ธรรมทานมูลนิธิ
-เริ่มโครงการพิมพ์หนังสือชุดธรรมโฆษณ์
พ.ศ.
๒๕๑๒
-บรรยายชุด
"บรมธรรม" แก่ พระนิสิตภาคฤดูร้อน
พ.ศ.
๒๕๑๔
-เริ่มบรรยายธรรมประจำวันเสาร์และทำต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
-ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ
ในราชทินนามที่ "พระเทพวิสุทธิเมธี" (๕ ธ.ค. ๒๕๑๔)
-เขียน
"บันทึกคำชี้แจงเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องปฏิจจสมุปบาท"
(๓๐ ก.ย.)
พ.ศ.
๒๕๑๕
-บรรยายชุด
"แก่นพุทธศาสน์" ที่โรงพยาบาลศิริราช
-บรรยายชุด
"สอนพุทธศาสนาผ่านคัมภีร์ไบเบิล" ในสวนโมกข์
พ.ศ.
๒๕๑๖
-บรรยายเรื่อง
"มหาวิทยาลัยกับความรู้เรื่องจิต" แก่อาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดล
ที่มาสวนโมกข์ (๓๐ ส.ค.)
-เขียนบทความขนาดยาว
"สมเด็จในความรู้สึกของข้าพเจ้า" ตามคำขอของพระดุลยพากย์สุวมัณฑ์
เพื่อพิมพ์ในหนังสือครบรอบ ๑๐๐ ปี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ ญาณวรเถร)
-บรรยายเรื่อง
"ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม" ในสวนโมกข์ (๑๑ พ.ย.)
-อาพาธ
ขณะกำลังเทศน์และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช
(ธ.ค.)
พ.ศ.
๒๕๑๗
-บรรยายเรื่อง
"มหิดลธรรม" แก่พระนักศึกษาภาคฤดูร้อน
-บรรยายเรื่อง
"สังคมนิยมตามหลักแห่งพระศาสนา" (๑๕ ก.ย.)
พ.ศ.
๒๕๑๘
-บรรยายชุด
"โมกขธรรมประยุกต์" สำหรับพระนักศึกษาภาคฤดูร้อน
-บรรยายเรื่อง
"พระพุทธเจ้ามีอุดมคติเป็นสังคมนิยม"
-บรรยายเรื่อง
"สังคมนิยมชนิดที่ช่วยโลกได้" (๒๗ พ.ค. ๑๘)
พ.ศ.
๒๕๒๑
-เริ่มปาฐกถาธรรมทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
ทุกวันอาทิตย์ที่ ๓ ของเดือน
พ.ศ.
๒๕๒๒
-บรรยายชุด
"ใจความแห่งคริสตธรรม เท่าที่พุทธบริษัทควรทราบ"
-๘
พฤศจิกายน ๒๕๒๒ ได้รับการถวาย ปริญญา พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต
กิตติมศักดิ์ จากมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย
พ.ศ.
๒๕๒๕
-สวนโมกข์อายุครบ
๕๐ ปี พิมพ์แถลงการณ์ ๕๐ ปี สวนโมกข์
-พิมพ์กฎบัตรของพุทธบริษัท
ในวันวิสาขบูชา
พ.ศ.
๒๕๒๗
-พิมพ์อริยสัจจากพระโอษฐ์
ฉบับสมบูรณ์
-ท่านพุทธทาส
ได้รับคัดเลือกจากทางราชการ ประเภทบุคคลทำประโยชน์ฝ่ายบรรพชิต
ในโอกาสสมโภชน์กรุงเทพฯ ๒๐๐ ปี ได้รับรางวัลเป็นสัญญลักษณ์
เสาอโศก และเงินสดหนึ่งหมื่นบาท
พ.ศ.
๒๕๒๘
-อาพาธค่อนข้างหนักตั้งแต่ต้นปี
-๘
พฤศจิกายน ๒๕๒๘ ได้รับการถวาย อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาปรัชญาและศาสนา จากมหาวิทยาลัยศิลปากร
-๓
ธันวาคม ๒๕๒๘ ได้รับการถวาย ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
พ.ศ.
๒๕๒๙
-ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาอักษรศาสตร์ (ศาสนาและปรัชญา) จากมหาวิทยาลัยศิลปากร
-ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
พ.ศ.
๒๕๓๐
-ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม
ในราชทินนามที่ "พระธรรมโกศาจารย์" (๕ ธ.ค. ๒๕๓๐)
พ.ศ.๒๕๓๖
-๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๐ ได้รับการถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
-๑๖
กรกฎาคม ๒๕๓๐ ได้รับการถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาปรัชญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
-๘ กรกฎาคม
๒๕๓๖ เวลา ๑๑.๒๐ นาฬิกา มรณภาพ
-๒๘ กันยายน
๒๕๓๖ พิธีเผาศพ ณ เขาพุทธทอง ภายในสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา
-๒๙ กันยายน
๒๕๓๖ ทำบุญอัฐิ
-๑๖ ตุลาคม
๒๕๓๖ ฝังกระดูกและลอยอังคาร ที่เขาประสงค์ และช่องอ่างทอง
-๑๗ ตุลาคม
๒๕๓๖ ลอยอังคารที่ต้นน้ำตาปี ที่เขาสก
พ.ศ.
๒๕๓๗
-คุรุสภาประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติคุณ
พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาส) ว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์อย่างสูงยิ่ง
ต่อการศึกษาของชาติ เนื่องในโอกาสที่กระทรวงศึกษาธิการครบรอบ
๑๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕
พ.ศ.
๒๕๔๘
-๒๐
ตุลาคม ๒๕๔๘ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(ยูเนสโก) ยกย่อง พุทธทาสภิกขุ เป็นบุคคลสำคัญของโลก
พ.ศ.
๒๕๔๘
-UNESCO
ได้มีมติให้ประกาศยกย่อง พระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาสภิกขุ
เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านอุทิศตนเพื่อการสั่งสอนธรรมะเพื่อผดุงไว้ซึ่งสันติธรรม
ยุติธรรม และให้มนุษย์อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน
และบรรจุการเฉลิมฉลองครบชาตกาล ๑๐๐ ปี ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม
๒๕๔๙
พ.ศ.
๒๕๔๘-๒๕๔๙
-จัดให้มีการเฉลิมฉลองครบชาตกาล
๑๐๐ ปี ในวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๘-๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๙
******************************
เกียรติคุณท่านอาจารย์พุทธทาส
สมณศักดิ์ท่านอาจารย์พุทธทาส ได้รับสมณศักดิ์เป็นลำดับมาดังนี้
-พ.ศ.
๒๔๖๙ พระเงื่อม
-พ.ศ.
๒๔๗๓ พระมหาเงื่อม
-พ.ศ.
๒๔๘๙ พระครูอินทปัญญาจารย์
-พ.ศ.
๒๔๙๓ พระอริยนันทมุนี
-พ.ศ.
๒๕๐๐ พระราชชัยกวี
-พ.ศ.
๒๕๑๔ พระเทพวิสุทธิเมธี
-พ.ศ.
๒๕๓๐ พระธรรมโกศาจารย์
ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์.-
ท่านอาจารย์พุทธทาสได้รับการถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาต่าง ๆ จากสถาบันต่าง ๆ ดังนี้
-๘ พฤศจิกายน
๒๕๒๒ ได้รับการถวาย ปริญญา พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์
จากมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย
-๘ พฤศจิกายน
๒๕๒๘ ได้รับการถวาย อักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาปรัชญาและศาสนา
จากมหาวิทยาลัยศิลปากร
- ๓ ธันวาคม
๒๕๒๘ ได้รับการถวาย ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
- ๑ กุมภาพันธ์
๒๕๓๐ ได้รับการถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- ๑๖
กรกฎาคม ๒๕๓๐ ได้รับการถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาปรัชญา
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ๙ กุมภาพันธ์
๒๕๓๓ ได้รับการถวาย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ
- ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๓๖ ได้รับการถวาย ปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์
จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รางวัลอื่น
ๆ .-
-สแวเรอร์
ได้สรรเสริญท่านอาจารย์พุทธทาสว่าเป็น นาคารชุนแห่งเถรวาท กล่าวคือ
เป็นผู้ปฏิวัติชำระสะสาง ปฏิรูปพุทธศาสนา ทั้งในด้านวิชาความรู้
และวิธีดำเนินการ ให้ถูกต้องยิ่งขึ้น สะอาดยิ่งขึ้น และก้าวหน้ายิ่งขึ้น
(นาคารชุนคนแรก เป็นผู้ปฏิวัติพุทธศาสนาในสมัย นาลันทา ที่อินเดีย
)
-พ.ศ.
๒๕๐๘ หนังสือแก่นพุทธศาสน์ ที่ท่าน อาจารย์พุทธทาส ได้แสดงปาฐกถา
ในโอกาสพิเศษ ณ.ชุมนุมศึกษาพุทธธรรม (ศิริราช) ในอุปการะของ
คณะแพทย์ ศาสตร์และศิริราชพยาบาลมหาวิทยา ลัย แพทย์ศาสตร์ เมื่อวันที่
๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ ได้รับรางวัลชนะเลิศ หนังสือดีประจำปี
๒๕๐๘ จากองค์การ ยูเนสโก้ แห่งสหประชาชาติ
- พ.ศ.
๒๕๒๗ ท่านอาจารย์พุทธทาส ได้รับคัดเลือกจากทางราชการ ประเภทบุคคลทำประโยชน์ฝ่ายบรรพชิตในโอกาสสมโภชน์กรุงเทพฯ
๒๐๐ ปี ได้รับรางวัลเป็นสัญญลักษณ์ เสาอโศก และเงินสดหนึ่งหมื่นบาท
- พ.ศ.
๒๕๓๗ คุรุสภาประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติคุณ พระธรรมโกศาจารย์
(พุทธทาส) ว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์อย่างสูงยิ่ง ต่อการศึกษาของชาติ
เนื่องในโอกาสที่กระทรวงศึกษาธิการครบรอบ ๑๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕
- เกียรติคุณท่านอาจารย์ที่กล่าวมาแล้ว
เป็นเกียรติคุณ ในทางโลกบ้าง ทางรูปธรรม ตามสมมติบ้าง ส่วนเกียรติคุณในทางนามธรรม
ท่านอาจารย์คือผู้เปิดประตูทาง วิญญาณ ให้ศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย
หลุดพ้นออกมาจากคอกอันมืดมิดของอวิชชา ซึ่งจะไปได้ถึงระดับใด
ก็ขึ้นอยู่กับ พละอินทรีย์ของแต่ละบุคคล ซึ่งก็ไม่มีใคร จะรับรองใครได้
พระธรรมโกศาจารย์
สมณศักดิ์สุงสุด
พุทธทาส พระผู้เปรื่องปราชญ์บริสุทธิ์
อยู่เหนือโสมมสมมุติ สิ้นสุด
พระธรรมโกศาจารย์
พระใดถึงจุด
พุทธทาส สมควรสมคาดอาจหาญ
ผ้าเหลืองห่มกิเลสเปรตมาร ไม่ควรเทียมทานท่านเลย
พระธรรมโกศาจารย์
พุทธทาสภิกขุ
(เงื่อม อินทปัญโญ) แห่ง สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ในทางคณะสงฆ์เป็นที่
พระธรรมโกศาจารย์
แม้คนโดยทั่วไปจะไม่เรียกขานสมณศักดิ์ของท่านกันอย่างแพร่หลาย
แต่ในการประกาศก่อนเทศน์วันอาทิตย์ทางวิทยุกรมประชาสัมพันธ์
ก็จะประกาศสมณศักดิ์อย่างเป็นทางการทุกครั้งไป ทำให้สมณศักดิ์นี้เป็นที่ติดหู
และ ประทับใจคนฟังโดยทั่วไปว่า หมายถึง หลวงปู่พุทธทาส
ในกาลต่อมา
หลวงปู่สวนโมกข์ ก็ละสังขารไปด้วยวัยอันสมควร สมณศักดิ์ พระธรรมโกศาจารย์ก็ไปอยู่กับ
หลวงพ่อปัญญานันทะ แห่งวัดชลประทานฯ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
พระผู้เป็นดั่งน้องชายของท่านพุทธทาส ก่อนที่ท่หลวงพ่อปัญญาฯจะเลื่อนสมณศักดิขึ้นเป็น
พระพรหมมังคลาจารย์ในปัจจุบันนี้
ข่าวล่าสุดที่ได้ทราบมาว่า
สมณศักดิ์ พระธรรมโกศาจารย์ ซึ่งเป็นสมณศักดิ์สูงสุดของหลวงปู่พุทธทาส
ได้นำไปแต่งตั้งให้กับพระรูปหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งสูงในทางคณะสงฆ์
แต่มีข้อวัตรปฏิบัติที่ไม่เป็นไปในทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกันเลยกับท่านพุทธทาส
ทำให้มีข้อสงสัยไต่ถามตามมามากมาย
มีผู้ตั้งประเด็นเสวนาขึ้นมาว่า
เนื่องในโอกาสที่เราท่านทั้งหลายจะจัดงานฉลองอายุ ๑๐๐ ปีของท่านพุทธทาส
ควรหรือไม่ที่คณะสงฆ์จะช่วยกันสงวนสมณศักดิ์
พระธรรมโกศาจารย์ไว้เป็นสัญลักษณ์อันน่าเคารพ
ดุจเดียวกับหลวงปู่พุทธทาส
หากไม่มีพระรูปใดที่เท่าเทียม
หรือใกล้เคียงท่าน ก็ไม่ควรแต่งตั้งผู้ใดขึ้นมาให้เป็นที่ด้อยคุณค่าแก่สมณศักดิ์สุดท้ายของหลวงปู่พุทธทาส
ยิ่งพระบางรูปที่ยังมีข้อคลางแคลงแหนงใจว่ายังเหลือความเป็นพระอยู่หรือไม่
ทางคณะสงฆ์ก็ยิ่งต้องระวังให้มาก
เพราะจะเป็นการดึงของสูงมาทำลายด้วยความมักง่ายจนเกินไป
หากจะต้องสถาปนาสมณศักดิ์ชั้นธรรมขึ้นมาใหม่ก็สามารถทำได้
แต่ไม่ควรยกตนเทียบเท่าท่านพุทธทาส แม้ไม่มีเช่นนั้น แต่ก็ไม่ควรแต่งตั้ง
"ใครก็ได้" เป็นที่
พระธรรมโกศาจารย์
เก็บความจาก
อัตชีวประวัติของท่านพุทธทาส เล่าไว้เมื่อวัยสนธยา โดย พระประชา
ปสนฺนธมฺโม สัมภาษณ์ สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก
กรกฎาคม ๒๕๓๕
๘๐ ปีของท่านพุทธทาส
อัตชีวประวัติของท่านพุทธทาส โดย พระประชา ปสนฺนธมฺโม สัมภาษณ์
"กลุ่มพุทธทาสศึกษาได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้สัมภาษณ์เพื่อการเผยแพร่ในเว็บไซต์แห่งนี้"
สิบปีในสวนโมกข์ : เรื่องเล่าในวัยหนุ่มของพุทธทาสภิกขุ
ปณิธาน
๓ ประการ
๑. ให้ศาสนิกเข้าถึงหัวใจของศาสนา
๒. การทำความเข้าใจระหว่างศาสนา
๓. ออกมาเสียจากอำนาจวัตถุนิยม
มรดกที่ขอฝากไว้
--------------------------------------------------------------------------------
รายชื่อธรรมโฆษณ์ที่ได้จัดพิมพ์ขึ้นเป็นหนังสือเล่มแล้ว
สิ่งที่เป็นธรรมโฆษณ์
๑ หมวดที่หนึ่ง
ชุด "จากพระโอษฐ์" สันปกสีน้ำตาล ๑๑๐ เป็นเรื่องเก็บมาเฉพาะที่ตรัสเล่าไว้เอง.
พุทธประวัติ
จาก พระโอษฐ์
วิธีใช้หนังสือเล่มนี้
ลำดับเรื่องในพุทธประวัติจากพระโอษฐ์
ลำดับเรื่องในพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ (โดยละเอียด)
ภาคนำ
- ข้อความให้เกิดความสนใจในพุทธประวัติ (๑๒ เรื่อง) ภาค ๑ -
เริ่มแต่การเกิดแห่งสากยวงศ์ จนถึงออกผนวช (๒๑ เรื่อง) ภาค ๒
- เริ่มแต่ออกผนวชแล้ว จนถึง ได้ตรัสรู้ (๓๕ เรื่อง) ภาค ๓ -
เริ่มแต่ได้ตรัสรู้แล้ว จนถึง โปรดปัญจวัคคีย์ (๗๙ เรื่อง) ภาค
๔ - เริ่มแต่โปรดปัญจวัคคีย์แล้ว จนถึง จวนจะปรินิพพาน (๑๗๐
เรื่อง) ผนวกพุทธประวัติฯ ภาค ๔ - เรื่องเบ็ดเตล็ดตรมเสียงของคนนอก
(๒๔ เรื่อง) ภาค ๕ - การปรินิพพาน (๑๐ เรื่อง) ภาค ๖ - การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
(๒๐ เรื่อง)
(หมวด
๑ "จากพระโอษฐ์" เลขประจำเล่ม ๑) Update! ๒๘ ส.ค. ๔๕ -- เพิ่ม
ภาค ๓ (๒๕ เรื่องจาก ๗๙ เรื่อง)
ใจความสำคัญ
เป็นพระประวัติตรัสเล่า
ไม่มีคำเรียบเรียงของผู้แต่งคละปน เพราะเป็นที่รวบรวมเฉพาะพระพุทธภาษิตที่ตรัสถึงประวัติของพระองค์เอง.
จากคัมภีร์พระไตรปิฎกล้วน เลือกเก็บเอามาร้อยกรองให้เป็นหมวดหมู่
ติดต่อกันเป็นลำดับ, มุ่งแสดงหลักธรรมที่แนบอยู่ในพระชนม์ชีพของพระองค์
แทนการมุ่งทางตำนานประวัติ หรือนิยายประวัติ เพื่อให้เป็นหนังสือส่งเสริมปฏิบัติธรรมเล่มหนึ่ง
เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งเป็นแก่นแห่งเรื่องพุทธประวัติด้วย, เป็นส่วนพิเศษ.
ผู้รวบรวม (พุทธทาสภิกขุ)
๒ หมวดที่สอง
ชุด "ปกรณ์พิเศษ" สันปกสีแดง ๑๑๒๐ เป็นคำอธิบายข้อธรรมะที่เป็นหลักวิชาและหลักปฏิบัติอย่างสมบูรณ์.
๓ หมวดที่สาม
ชุด "ธรรมเทศนา" สันปกสีเขียว ๒๑๓๐ เป็นเทศนาตามเทศกาลต่าง
ๆ .
๔ หมวดที่สี่
ชุด "ชุมนุมธรรมบรรยาย" สันปกสีน้ำเงิน ๓๑๔๐ เป็นการบรรยายในรูปปาฐกถาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด.
"ค่ายธรรมบุตร"คำปรารภ
๑. ลูกเสือ คือ ธรรมบุตร ๒.บารมี ๑๐ ประการของลูกเสือ ๓. การเต้นรำทำเพลง
และการหัวเราะ ๔. อุดมคติของลูกเสือ เป็นอย่างเดียวกับพุทธศาสนา
๕. การรู้จักถือประโยชน์จากศาสนา ๖. ความรอดตัวของวัยรุ่น ๗.
ความไม่เห็นแก่ตัว ๘. เจียดส่วนเกินให้ผู้อื่นบ้าง เพื่อช่วยให้โลกอยู่เย็น
๙. งานอนุกาชาด ในแง่ของศีลธรรม ๑๐. ความสับสนแห่งความหมายของภาษาที่ใช้พูดกันอยู่
๑๑. วิญญาณของความเป็นครู ๑๒. ท่านจะได้อะไรจากการมาประชุมกันที่นี่
๑๓ ธรรมะ ทำไมกัน ?. ๑๔. อานาปานสติภาวนา ๑๕. เรื่อง มะพร้าวนาฬิเกร์
๑๖. สนทนาเกี่ยวกับโบราณคดีเมืองไชยา ๑๗. พึงประพฤติธรรม ให้สุจริต
๑๘. รบกันพลาง แลกธรรมกันพลาง ๑๙. อาสาสมัครของพระพุทธเจ้า ๒๐.
ต้องพัฒนาจิตใจให้ทันกับพัฒนาวัตถุ ๒๑. อนามัยคือการประพฤติธรรม
๒๒. จิตที่คิดจะให้ สบายกว่าจิตที่คิดจะเอา ๒๓. การสังคมสงเคราะห์ส่วนที่ยังขาดอยู่
๒๔. การพัฒนาอนามัย (เลขประจำเล่ม ๓๗)
"ธรรมะเล่มน้อย"
-----------------------------------------------------------------
คำปรารภ ๑. ภาวะธรรมดาแห่งชีวิตมนุษย์ ๒. จิตตภาวนา คือ ชีวิตพัฒนา
๓. ผลของจิตตภาวนา คือ มรรค ผล นิพพาน. ๔. ผลของจิตตภาวนา คือ
มรรค ผล นิพพาน. ๕. จิตตภาวนาในแง่ของไสยศาสตร์ ๖. แนวสังเขปทั่ว
ๆ ไปของการพัฒนา ๗. มองดูปริทัศน์แห่งชีวิตในทุกแง่ทุกมุม ๘.
พฤกษาแห่งชีวิตชนิดสมบูรณ์แบบ ๙. อะไร ๆ ในชีวิต สักแต่ว่าเป็นเรื่องของจิตสิ่งเดียว
๑๐. อะไร ๆ ก็เป็นสักแต่ว่าธาตุ ๑๑. สังขารและวิสังขาร ๑๒. สรุปความธรรมะเล่มน้อย
(เลขประจำเล่ม ๔๐)
๕ หมวดที่ห้า
ชุด "ปกิณกะ" สันปกสีม่วง ๔๑๕๐
เป็นการอธิบายข้อธรรมะเบ็ดเตล็ดต่าง
ๆ ประกอบความเข้าใจ.
หนังสือธรรมะ
ชุดลอยปทุม
ลำดับที่ ๓ เรื่อง ศิลปะแห่งการมีพระพุทธเจ้าอยู่กับเนื้อกับตัว
ชุดลอยปทุม
ลำดับที่ ๔๙ เรื่อง ศิลปะสำหรับการมีชีวิตอยู่ในโลก
ชุดมองด้านใน
ลำดับที่ ๒๔ เรื่อง ชนะดวงจันทร์ หรือชนะตนดี
หนังสืออื่น
ๆ
คนหนุ่มสาวกับอุดมคติเพื่อสังคม
: ข้อคิดจากชีวิตครูโกมล คีมทอง
คณะธรรมทาน
ความฝันของคณะธรรมทาน
ธรรมทานมูลนิธิ
การอบรมอานาปานสติภาวนาที่สวนโมกข์นานาชาติ
หลักการ
๘ ข้อของธรรมาศรมนานาชาติ
หลักการจัดอบรมฯ
๕ ประการ
ข้อปฏิบัติระหว่างการอบรมฯ
ธรรมาศรม
ธรรมมาตา
โรงมหรสพทางวิญญาณ
ภาพพุทธประวัติจากหินสลัก
ยุคก่อนมีพระพุทธรูปในประเทศอินเดีย
พ.ศ. ๓๐๐๗๐๐ พุทธทาสภิกขุ รวบรวมและอธิบาย
ภาพปริศนาธรรม
ชุด จากจิตสู่จิต
๑. พุทธะองค์จริง
๒. เสียงตบมือข้างเดียว ๓. ในโลกนี้มีพุทธศาสนาเพื่อเข่นฆ่าสิ่งเหล่านี้มิให้เหลือ
๔. พระองค์อยู่หลังม่าน ๕. เสียงขลุ่ยกลับมาหากอไผ่ ๖. ปฏิบัติเพื่อความสะอาด
๗. ดอกไม้จัดคน ๘. ไหว้พระพุทธรูป ๙. อยู่ให้เหมือนลิ้นงูในปากงู
๑๐. เต่าหินตาบอด ๑๑. ยิ่งคัดลอกยิ่งเลอะเทอะ ๑๒. ผู้ดับไม่เหลือ
๑๓. จิตว่างได้ยินหญ้าพูด ๑๔. ฝนอิฐเป็นกระจกเงา ๑๕. อริยมรรคมีองค์แปด
๑๖. แม่น้ำคด น้ำไม่คด ๑๗. สาหร่ายเขียนพระไตรปิฎก ๑๘. พ้นแล้วโว้ย!
๑๙. ไส้เดือนเขียนจดหมายถึงมนุษย์ ๒๐. ตัวกูกับตัวกู ๒๑. จากอนันตะสู่อนันตะ
๒๒ กวนอิมโพธิสัตว์ ๒๓. เรือธรรม
๒๗ พฤษภาคม
๒๔๖๗ (ค.ศ.๑๙๒๔) วันสถาปนากรมการทหารสื่อสาร โดยพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
๒๗ พฤษภาคม
ของทุกปี เป็นวันสำคัญของเหล่าทหารสื่อสารเนื่องจากเป็นวันก่อกำเนิด
ทหารสื่อสาร ตามคำสั่งสำหรับทหารบกที่ ๓๗/๔๘๖๓ โดย พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน
พระบิดาผู้ก่อกำเนิดเหล่าทหารสื่อสาร ได้จัดตั้ง กองโรงเรียนทหารสื่อสารขึ้น
ในกรมจเรการช่างทหารบกเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ทหารสื่อสารได้ก่อกำเนิดในกองทัพบกเรียก
ชนิดทหารสื่อสาร มีสีเม็ดมะปรางเป็นสัญลักษณ์ และพัฒนาการจัดหน่วยมาตามลำดับจนถึงปัจจุบัน
เป็น กรมการทหารสื่อสาร ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก ตั้งอยู่เลขที่
๑๔๙ ถนนพระราม ๕ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพ